"ขณะนี้ธนาคารได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริง ที่สำคัญขอให้มั่นใจในความเป็นมืออาชีพของผม ทีมผู้บริหาร และ คณะกรรมการธนาคาร ซึ่งยึดหลักธรรมาภิบาล เน้นความโปร่งใส และจะไม่เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างเด็ดขาด" นายวรภัค กล่าว
นายวรภัค กล่าวว่า ที่ผ่านมาธนาคารดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบ คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ฝากเงินรายย่อยที่มีมากกว่า 12 ล้านคน ลูกค้าสินเชื่อ SME ที่มีมากกว่า 100,000 ราย ผู้ถือหุ้นรายย่อยเกือบ 40,000 คน รวมทั้งพนักงานของธนาคารกว่า 20,000 คน ที่สำคัญธนาคารเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีผู้ถือหุ้นรายย่อยและสถาบันมากกว่า 45% ในการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ ธนาคารมีกระบวนการซึ่งเป็นมาตรฐาน มีคณะกรรมการกลั่นกรองเป็นลำดับชั้น และคำนึงถึงความเสี่ยงในทุกด้าน
ส่วนการให้ความช่วยเหลือชาวนาที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักในขณะนี้ว่า นายวรภัค กล่าวว่า อยากให้ทุกภาคส่วนร่วมพิจารณาช่องทางให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม โดยไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง เพราะชาวนาถือเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถหาทางออกที่ดีในการช่วยเหลือชาวนา แต่ไม่เป็นภาระกับกลุ่มสถาบันการเงิน
"ส่วนตัวคิดว่าการช่วยเหลือชาวนาจะต้องนำเงินส่งถึงมือชาวนาให้ครบทุกบาททุกสตางค์ 100% และหากมีอะไรที่กรุงไทยจะช่วยได้โดยที่ธนาคารไม่เสียหายและเม็ดเงินถึงมือชาวนาไทย 100% เรายินดีที่จะพิจารณาช่วย"นายวรภัค กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้พนักงาน KTB ราว 200-300 คนได้รวมตัวกันด้านล่างของอาคารสำนักงานใหญ่เพื่อเป่านกหวีดพร้อมกับแสดงจุดยืนคัดค้านการปล่อยกู้โครงการดังกล่าว และเมื่อได้รับการชี้แจงจากนายวรภัคจึงได้สลายตัวไป