การจัดตั้งบริษัทย่อยและลงนามในสัญญาดังกล่าว เป็นไปตามแผนงานของ EPCO ในการขยายลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะโซล่าร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น ซึ่งวางเป้าหมายจะมีขนาดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีและปลายทางอยู่ที่ 100 เมกะวัตต์ ซึ่งที่ผ่านมาได้เจรจากับบริษัทพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุน และคาดว่าไตรมาส 1/57 นี้จะได้ข้อสรุปอีก 5-6 โครงการ ประมาณ 12 เมกะวัตต์ ไตรมาส 2/57 จะได้ข้อสรุปอีก 2-3 โครงการ ประมาณ 40 เมกะวัตต์ และไตรมาส 3/57 จะได้ข้อสรุปอีก 1-2 โครงการ ประมาณ 20 เมกะวัตต์ รวมทั้งยังมีแผนการลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Energy) อื่นๆ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ของ EPCO เติบโตอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมั่นคง
ส่วนความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี มีกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ภายหลังจากดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้ทำการการทดสอบระบบ (First Sync) เพื่อเชื่อมต่อกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เรียบร้อยแล้ว และสามารถผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้ (Commercial Operation Date: COD) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 นี้
"ขณะนี้โรงไฟฟ้าที่ลพบุรีได้เดินเครื่องขายไฟฟ้าอย่างเต็มที่ รับรู้รายได้ทันที ดังนั้นจะช่วยหนุนรายได้ของ EPCO ในส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าให้เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ รวมถึงรายได้จากโรงไฟฟ้าบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาหรือโซลาร์รูฟ (Solar PV Rooftop) ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล กำลังการผลิต 1.5 เมกะวัตต์ และการพัฒนาโซลาร์ฟาร์ม (Solar Farm) ที่ญี่ปุ่น เหล่านี้จะช่วยสร้างรายได้ให้มากขึ้น" นายยุทธ กล่าว