นายณาศิส ประเสริฐกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เคเคเทรด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นเคลื่อนไหวในแดนบวกตามทิศทางของตลาดภูมิภาค โดยตลาดยังรอความชัดเจนในเรื่องของการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯในวันพรุ่งนี้ ทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและตัวเลขอัตราการว่างงานในเดือน ม.ค.
"ตลาดน่าจะเหวี่ยงตัวในแดนบวกตามภูมิภาคแต่ไม่มาก น่าจะเป็นการเหวี่ยงตัวค่อนข้างจำกัด ซึ่งยังรอความชัดเจนเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้อยู่ ในเรื่องของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตลาดคงแกว่งตัวรอปัจจัยวันพรุ่งนี้"นายณาศิล กล่าว
สำหรับตลาดบ้านเรายังเป็นปัจจัยการเมืองในประเทศที่ทำให้ตลาดไม่สามารถดีดตัวขึ้นไประดับ 1,290 จุดได้ โดยต้องติดตามทิศทางของผู้ชุมนุมจะเป็นไปในทางใด หลังวานนี้ศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับแกนนำแล้ว
พร้อมให้กรอบแนวรับ 1,240 จุด แนวต้าน 1,290 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(5 ก.พ.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,440.23 จุด ลดลง 5.01 จุด(-0.03%),ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,751.64 จุด ลดลง 3.56 จุด(-0.20%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,011.55 จุด ลดลง 19.97 จุด(-0.50%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 53.04 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 51.53 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 21.68 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.03 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 12.89 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.96 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 4.57 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.23 จุด, ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามเปิดวันนี้ ลดลง 1.01 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน
- ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(5 ก.พ.)ที่ 1,280.25 จุด เพิ่มขึ้น 3.41 จุด (+0.27%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,317.05 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ก.พ.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(5 ก.พ.)ที่ 97.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.19 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(5 ก.พ.)ที่ 6.92 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.74/75 แกว่งแคบ ตลาดรอดูตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ
- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ยันส่งออกปีนี้ยังคงโต 5% ระบุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินดันต้นทุนขนส่งทางอากาศพุ่ง ความมั่นใจผู้ซื้อตกต่ำ ควรยกเลิกด่วน หวั่นเอฟทีเอไทย-อียู ล่มฉุดศักยภาพแข่งขันลดฮวบ ด้านไทยพาณิชย์คาดจีดีพีโตแค่ 2.4% หากการเมืองยื้อ ขณะที่ตัวเลขนำเข้าสินค้าทุน-วัตถุดิบ เดือนธ.ค.ติดลบ สะท้อนเอกชนลดกำลังผลิต หลังจากส่งออกหดตัว ผู้ผลิตรองเท้าดิ้นบริหารต้นทุน-ลดโอที เอสเอ็มอีเครื่องสำอางแจงกระทบหนัก
- มูดี้ส์ แอนาไลติกส์ บริษัทวิจัยด้านเศรษฐกิจชื่อดังในสหรัฐ ประกาศลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.2% จากคาดการณ์เดิมที่ 5.2% เนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อทำให้ไทยไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่โดยเฉพาะประโยชน์ทางด้านการส่งออกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้
- นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการติดตามของ ธปท.ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีประชาชนแห่ถอนเงินจากธนาคารพาณิชย์ที่จะอาจจะเกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้โครงการรับจำนำข้าวจนผิดปกติถึงขั้นน่าเป็นห่วง ส่วนสถานการณ์การเมืองและการชุมนุมที่ยืดเยื้อ ธนาคารก็ยังสามารถให้บริการประชาชนได้ตามปกติ แม้จะมีการปิดสาขาและตู้เอทีเอ็มบ้างในบางพื้นที่แต่ธนาคารก็ยังปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการต่อเนื่องทางธุรกิจได้
- "แบงก์ชาติ" มั่นใจฐานะการเงินธนาคารพาณิชย์แกร่ง รับมือเศรษฐกิจผันผวนได้ พร้อมเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤติล่าสุด แม้เศรษฐกิจไม่โตเลย แต่เชื่อแบงก์พาณิชย์ยังเป็นตัวกลางช่วยประคองเศรษฐกิจได้ ประเมินสินเชื่อปีนี้โตได้ 8-10% พร้อมเปิดแผนกำกับดูแลปี 2557 จ่อตั้งทีมตรวจสภาพคล่องบริษัทลูกธนาคารพาณิชย์ ด้าน นายแบงก์ย้ำยังไม่พบสัญญาณสินเชื่อด้อยคุณภาพ
- นายสมนึก บำรุงสาลี อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า เพื่อป้องกันขาดแคลนน้ำมันปาล์มสำหรับการบริโภคและชะลอราคาน้ำมันปาล์มในประเทศไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นมาก กระทรวงพลังงานจึงเห็นชอบให้ ธพ.ปรับลดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลชั่วคราวตามมติคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม จากไม่ต่ำกว่า 6% และไม่สูงกว่า 7% เป็นไม่ต่ำกว่า 3.5% และไม่สูงกว่า 7% มีผลบังคับใช้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายจึงจะเพิ่มสัดส่วนให้เท่าเดิม
*หุ้นเด่นวันนี้
- TTCL(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 39 บาท เป็นหุ้นในกลุ่มรับเหมาที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองในประเทศจำกัด และมีการขยายตัวของผลการดำเนินงานโดดเด่น โดยที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือราว 2.7 หมื่นล้านบาท และมีงานใหม่ที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาในปี 2557 อีกราว 3 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการโรงงานพลังงาน และปิโตรเคมีในเวียดนาม, มาเลเซีย และไทย นอกจากนี้บริษัทยังมีการกระจายฐานรายได้ไปยังธุรกิจโรงไฟฟ้าที่มีสัดส่วนรายได้ 23% ในปี 2557 เราประเมินกำไรสุทธิในปี 2557 และ 2558 เติบโต 26% และ 36% YoY
- AAV(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 6.60 บาท ราคาหุ้นสะท้อนผลกระทบทางการเมืองที่อาจจะส่งผลให้กำไรสุทธิใน 4Q56 ลดลงเมื่อเทียบ YoY (เทียบ QoQ ยังเพิ่มขึ้น) จาก Load Factor ที่ลดลงจาก 83% ใน 4Q55 มาอยู่ที่ 80% ใน 4Q56 และความล่าช้าในการขยายฝูงบินไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้นของ AAV ซื้อขายที่ระดับ PBV ราว 0.9 เท่าเท่านั้น ซึ่งมองว่าไม่สอดคล้องกับความสามารถในการทำกำไร ที่เราประเมินว่ากำไรสุทธิในปี 2557 จะเพิ่มขึ้นถึง 42% YoY และจะมีระดับ ROE ในปี 2557 สูงถึง 23%
- DSGT(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ชอบธุรกิจของ DSGT เพราะผ้าอ้อมเป็นสินค้าจำเป็น มีความอ่อนไหวน้อยต่อเศรษฐกิจและการเมือง เราคาดกำไรใน 4Q13 โตต่อเนื่อง +6% Q-Q, +15% Y-Y ทำให้กำไรทั้งปี 2013 +20% Y-Y อย่างไรก็ตาม ปรับประมาณการกำไรปี 2014 ลงเล็กน้อย 6% เพราะต้นทุนที่คาดไว้ต่ำเกินไป แต่กำไรยังโต 13% Y-Y และปรับราคาเป้าหมายลงเล็กน้อยเป็น 12 บาทจาก 12.60 บาท
- VGI(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 10.70 บาท มีความเห็นเป็น"บวก"ต่อแผนการร่วมทุนกับ DM เนื่องจากใช้เงินทุนเพียง 5% ของเงินสดในมือ แต่ Network โฆษณาของ VGI จะได้ eyeballs เพิ่มขึ้นราว 2 เท่าตัวทันทีจาก 6 แสนคนบนระบบรถไฟฟ้า BTS รวมกับ 1.22 ล้านคนจากปริมาณผู้ใช้ทางด่วน 3 สาย เป็น 1.8 ล้านคน ซึ่งจะขยายอำนาจการต่อรองของ VGI กับเอเจนซี่โฆษณาได้อย่างดีในระยะยาว อีกทั้งการร่วมลงทุนในสถานะเป็นบริษัทร่วม ทำให้ผลกระทบทางลบ(หากมี) ก็จะจำกัด โดยมองว่าทิศทางระยะยาวของ VGI สดใส มีแนวโน้มปรับประมาณการขึ้นเมื่อมีความชัดเจน