ทั้งนี้ แผนดำเนินงานของ ตลท.ยังคงเดินหน้าตามเดิม ได้แก่ การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชนชนเป็นครั้งแรก(IPO)ที่อยู่ในกระบวนการ 25 บริษัท มูลค่าการระดมทุนราว 2.1 แสนล้านบาท และการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชน(PO) มูลค่า 1.8 แสนล้านบาท
นอกจากนั้น ยังมีแผนงานรับจดทะเบียนหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ไม่เคยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไดมาก่อน(foreign listing) และบริษัทที่มีการประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก (Holding Company) มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท
ขณะที่แผนการออกไปโรดโชว์ยังต่างประเทศยังคงมีอยู่ แต่อาจจะมีการเลื่อนระยะเวลาการโรดโชว์ออกไป ซึ่งยังต้องติดตามสถานการณ์บ้านเมืองให้มีความเหมาะสม และเพื่อให้ได้ประโยชน์ในการออกไปโรดโชว์ โดยในปีนี้จะออกไปโรดโชว์ทั้งหมด 7 ประเทศ อาทิ ยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย
"แผนการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ยังคงตามแผนเดิม เนื่องจากมองว่าสถานการณ์ทางการเมืองเป็นเพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าหากสถานการณ์ทุกอย่างสามารถจบลงได้ เชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยก็จะกลับไปสู่จุดเดิมก่อนที่จะเกิดสถานการณ์การเมือง"นายจรัมพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นเชื่อว่าต้องใช้เวลาราว 6 เดือนกว่าจะคลี่คลายไปได้ และเมื่อถึงเวลานั้นทางตลาดหลักทรัพย์ก็อาจจะกลับมาทบทวนปรับลดเป้าหมายมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลงเหลือราว 4 หมื่นกว่าล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท/วัน เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่เพียง 3.1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงในช่วงก่อนหน้านี้ ไม่ใช่มาจากปัจจัยการเมืองในประเทศเท่านั้น แต่ก็ยังเป็นการเทขายของนักลงทุนต่างชาติเพื่อเป็นการปรับพอร์ตการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก อาทิ อินเดีย มาเลเซีย แอฟริกาใต้ และตุรกี ไม่ใช่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น