สำหรับปีนี้จะมีการวางเป้าหมายทางธุรกิจหลังจากสรุปงบการเงินในปี 56 แล้ว แต่คาดการณ์เบื้องต้นว่าจะมีรายได้ราว 5-6 พันล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการชุมนุมทางการเมืองและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากขณะนี้บริษัทมีงานในมือ(backlog)แล้วประมาณ 8 พันล้านบาทและคาดว่าในปีนี้จะกลับมาเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาทได้อีก จากงานที่ยังคงมีเข้ามาต่อเนื่อง
ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ราว 221 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนราว 40% เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่ที่เปิดตัวไปแล้วนั้นจะมีการโอนในช่วงครึ่งหลังของปี ขณะที่ปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างน้อย 2 โครงการในย่านยรามคำแหงและสะพานใหม่ นอกเหนือจากโครงการ เทมโป แกรนด์ สาทร-วุฒากาศ ที่เป็นคอนโดมิเนียมขนาดราว 1 พันยูนิต มูลค่าโครงการ 2.5 พันล้านบาทที่ได้เปิดพรีเซลล์ไปแล้วก่อนหน้านี้ และจะเปิดขายงเป็นทางการในไตรมาส 1/57
"ทั้ง 2 โครงการใหม่อยู่ระหว่างการขอ EIA นอกจากนี้ยังมีโครงการคอนโดมีเนียม พหลโยธิน ใกล้กับมหาวิทยาลัยศรีปทุม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินอยู่ แต่คาดว่าคงเปิดตัวไม่ทันปีนี้"นายชัยรัตน์ กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทยังวางแผนที่จะพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวเพิ่มอีก 1 โครงการ หลังจากประสบความสำเร็จกับโครงการที่ไทรม้าไปแล้ว โดยโครงการใหม่จะมีขนาดประมาณ 30 ไร่เพื่อสร้างรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นายชัยรัตน์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทจะอาศัยความได้เปรียบที่มีเงินสดในมือสูงราว 1 พันล้านบาทเพื่อกว้านซื้อที่ดินเข้ามาเป็น Land Bank เนื่องจากเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายทบทวนแผนเปืดโครงการใหม่หลังจากภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัว โดยขณะนี้บริษัทมีแผนจะเจรจาซื้อที่ดินใหม่เพิ่มอีกราว 2-3 แปลง ซึ่งเป็นที่ดินในกรุงเทพฯ 2 แปลง เช่น ย่านบางบัวทอง และต่างจังหวัดอีก 1 แห่ง คือที่ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเตรียมไว้พัฒนาโครงการในอนาคต
บริษัทมองว่าสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นนั้นช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับโครงการคอนโดมีเนียมตามแนวรถไฟฟ้า เนื่องจาการเดินทางมีอุปสรรคจากการชุมนุมทางการเมืองในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพชั้นใน และผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมส่วนหนึ่งก็ต้องการที่พักอาศัยใกล้กับสถานที่ชุมนุม แต่ก็ยอมรับว่าโครงการที่อยู่นอกแนวรถไฟฟ้าอาจจะได้รับผลกระทบในแง่ลบจากกำลังซื้อที่ชะลอลงไป
"เรามองว่าการเมืองนั้นช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับคอนโดตามแนวรถไฟฟ้า แต่ที่อื่นอาจชะลอ ซึ่งหากโครงการไหนไม่ดีจริงไม่ใกล้รถไฟฟ้า ชะลอหมด แต่ใกล้รถไฟฟ้ายังดี ส่วนภาพรวมนั้นผู้ประกอบการหลายรายก็เริ่มชะรอการเปิดโครงการลง เพราะยังไม่มั่นใจว่าจะดีจริงหรือไม่ ทำให้เป็นผลดีกับเราที่จะให้มีโอกาสในการซื้อที่เพื่อเก็บไว้พัฒนาในอนาคต ซึ่งเราวางแผนจะซื้อที่และขอ EIA และออกแบบโครงการทันทีเพื่อรอการพัฒนาหากช่วงเวลาและสถานการณ์ต่างๆมีความเหมาะสม เราก็จะเปิดโครงการได้ทันที"นายชัยรัตน์ กล่าว
นายชัยรัตน์ กล่าวถึงแผนการนำ บมจ.บิลท์แลนด์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ว่า คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 59 หลังจากที่โครงการคอนโดมิเนียม เทมโป แกรนด์ สาทร-วุฒากาศ สร้างเสร็จเรียบร้อยและเริ่มทยอยโอนให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 58 เพื่อที่จะให้บิลท์แลนด์มีรายได้ที่มั่นคงในระยะต่อไป
"ก่อนหน้านี้เราไม่มีเงิน แต่ตอนนี้เราเริ่มมีเงินในการซื้อที่ดินเก็บไว้เพื่อรอพัฒนา ซึ่งจะทำให้เรามีรายได้เข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง เราเชื่อว่าอีก 3 ปี รายได้ของบิลท์แลนด์ จะเติบโตได้อย่างโดดเด่น และหลังจากที่โครงการ เทมโป แกรนด์ฯ สร้างเสร็จเราก็จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์"นายชัยรัตน์ กล่าว