สำหรับกองทุน K-USA มีจุดเด่นในเรื่องของนโยบายการลงทุนและกลยุทธ์การบริหารแบบ Active Approach มุ่งลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่มีโอกาสเติบโตสูงและมีผลประกอบการโดดเด่นทั่วโลก อาทิ Apple Motorola Google Amazon EBay Starbucks ซึ่งล้วนเป็นบริษัทที่ทำรายได้ทั้งในสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ทั้งนี้ กองทุนเน้นการลงทุนในระยะยาวมากกว่าการกังวลกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้น จึงทำให้ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ผ่านมานับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในเดือนกันยายน 2555 จนถึงปัจจุบัน มีการจ่ายปันผลรวม 4 ครั้ง และมีมูลค่าการจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 1.45 บาทต่อหน่วย
มุมมองในด้านการลงทุน บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่ในช่วงต้นปี ซึ่งคาดว่าภาพรวมตลอดปี 2557 นี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถเติบโตได้ถึง 2.8% ซึ่งตัวเลขคาดการณ์นี้ สะท้อนในเห็นถึงการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯในทางที่ดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จึงเริ่มมีการปรับลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ลงต่อเนื่องจาก 7.8% เมื่อต้นปี 2556 เหลือ 6.7% ในช่วงต้นปี 2557 แต่อย่างไรก็ตาม Fed ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำต่อไปเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตต่อเนื่องและกระตุ้นให้การว่างงานลดลงมาอยู่ในเป้าหมายที่ 6.5% ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นและบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯเช่นเดียวกัน
สำหรับมุมมองต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ เชื่อว่าปัญหาความไม่สงบทางการเมือง มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทย บวกกับปัจจัยภายนอกที่มากระทบอย่างเรื่องการปรับลดมาตรการ QE ส่งผลต่อเนื่องให้หุ้นในประเทศขาดเสถียรภาพ ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนในการลงทุนหุ้นในประเทศ บลจ.กสิกรไทยจึงชวนนักลงทุนหันมากระจายความเสี่ยงกับการลงทุนในหุ้นต่างประเทศผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) ที่บลจ.ได้คัดสรรไว้ตอบโจทย์ทุกการลงทุน