"การดำเนินธุรกิจปีนี้บริษัทมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจที่วางไว้เมื่อ 3 ปีก่อน ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนเพื่อบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ในส่วนของธุรกิจหลัก 3 ส่วน คือ รับเหมาก่อสร้าง พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์" นายไชยณรงค์ กล่าว
โดยธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปีนี้คาดว่าจะเป็นปีที่ดีเนื่องจากงบลงทุนที่เพิ่มขึ้นของภาคเอกชน โดยบริษัทได้วางกลยุทธ์ในการรับงานเอกชนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งยังมีจุดแข็งในเขตพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีปริมาณงานและไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านการเมือง
ธุรกิจพลังงานถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะทำได้เกินกว่าที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ โดยโรงไฟฟ้าช้างแรก กำลังการผลิต 9.9 MW เริ่มจำหน่ายไฟเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2556 จนถึงสิ้นปีมีรายได้ 194 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ และในอนาคต เมื่อโรงไฟฟ้าที่บริษัทกำลังพัฒนาทั้งในและต่างประเทศสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้ จะยิ่งเป็นปัจจัยสำคัญช่วยผลักดันให้ผลประกอบการของ TPOLY ขยายตัวได้โดดเด่นยิ่งขึ้น
ส่วนของอสังหาริมทรัพย์ มีความท้าทายจากปัจจัยสองด้านคือความเข้มงวดของธนาคารในการปล่อยสินเชื่อ และลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นจากสต๊อคบ้านและคอนโดมีเนียมในปริมาณที่สูง ทำให้คาดว่ายอดขายปีนี้จะชะลอตัวลง อย่างไรก็ดีในส่วนของบริษัท มีโครงการกรีนิชถือว่าตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ด้วยราคาที่เหมาะสม คาดว่าต้นปี 2558 จะสามารถส่งมอบบ้านและปิดโครงการได้ นอกจากนี้ ยังมีที่ดินอีก 1 แปลง ที่อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้เพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต
ส่วนบริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TPOLY ปัจจุบันการดำเนินด้านธุรกิจพลังงานได้แบ่งแผนธุรกิจออกเป็นสองส่วนคือ ช่วงแรกกำลังการผลิต 40 เมกะวัตต์ สามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้แล้ว 1 โครงการ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 3 โครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าได้ในปี 2558 โดยช่วงที่สองกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะลงทุนเพิ่มอีก 80 – 100 เมกะวัตต์ คาดว่าภายในปี 2560 จะมีโรงไฟฟ้าชีวมวลไม่ต่ำกว่า 100 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแนวคิดที่จะผลักดันให้ ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้งฯ ระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI โดยที่ผ่านมาก็สามารถดำเนินงานตามแผนที่ได้วางไว้ เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนได้ในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้