นอกจากนี้ ในอนาคต ทอท.มีแผนที่จะพัฒนาศักยภาพของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในระยะที่ 2 ให้มีขีดความสามารถในการให้บริการเพิ่มมากขึ้นจากเดิม 45 ล้านคนต่อปีเป็น 60 ล้านคนต่อปี โดยโครงการมีกำหนดแล้วเสร็จในปลายปี 59 จากการขยายตัวของผู้โดยสารดังกล่าว จึงมีความจำเป็นจะต้องใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้น ดังนั้น ทอท.จึงมีความจำเป็นต้องขอความร่วมมือ กปน ดำเนินการวางท่อประธานเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถส่งน้ำประปาเข้าสู่ถังเก็บน้ำและโรงสูบจ่ายน้ำที่จะก่อสร้างใหม่ทางด้านทิศใต้ของท่าอากาศยานต่อไป
นายธนศักดิ์ กล่าวว่า กปน.จะมีการดำเนินงานวางท่อประธานในเบื้องต้นแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรกเป็นการวางท่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1,000 มิลลิเมตรจากท่อประธานเดิมในซอยลาดกระบัง 54 (บริเวณหน้าวัดกู้) จนถึงเขตพื้นที่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมระยะทาง 30 เมตรในวงเงินงบประมาณ 3 ล้านบาท โดย กปน.และ ทอท.ร่วมกันลงทุนค่าใช้จ่ายฝ่ายละกึ่งหนึ่ง
สำหรับระยะที่ 2 เป็นการวางท่อประธานขนาด 800 และ 1,000 มิลลิเมตร ระยะทาง 420 เมตร เพื่อรองรับการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการสำรวจและการออกแบบเช่นกัน คาดว่าจะใช้งบประมาณ 25 ล้านบาท แบ่งกันออกฝ่ายละครึ่งหนี่งเช่นกัน นอกจากนี้ ทอท.จะเดินท่อประปาภายในอาคารผู้โดยสารในปัจจุบัน ใช้งบราว 105 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/57 ทั้งหมดได้แหล่งเงินจากกระแสเงินสดบริษัท
ปัจจุบัน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับน้ำจากท่อประธานของ กปน.ซึ่งมีเส้นผ้ศูนย์กลางประมาณ 800 มิลลิเมตร จากถนนลาดกระบังเข้าสู่ถังเก็บน้ำขนาด 40,000 ลูกบาศก์เมตรของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่อยู่ในพื้นที่ท่าอากาศยานซึ่งสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้งานได้ประมาณ 2 วัน