(เพิ่มเติม) MK ตั้งเป้ารายได้-ยอดขายปีนี้ 2.8 พันลบ.เปิด 4 โครงการแนวราบ 3.2พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 11, 2014 13:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บมจ. มั่นคงเคหะการ(MK)เปิดเผยว่า ในปี 57 บริษัทตั้งเป้ารายได้และยอดขายอยู่ที่ 2,800 ล้านบาท ภายใต้การตลาดคอนโดมิเนียมที่ค่อนข้างอิ่มตัว และภาวะเศรษฐกิจที่ยังถูกรุมเร้าด้วยปัจจัยลบ บริษัทจึงเน้นไปที่การพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลัก ขณะที่มียอดขายรอโอน(Backlog)ที่จะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 800 ล้านบาท จากทั้งหมดที่มีราว 900-1,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนที่เหลือจะไปรับรู้ได้ในปี 58

พร้อมตั้งเป้าพัฒนาโครงการใหม่ตลอดทั้งปี โดยยังคงเดินหน้าบุกทำเลใจกลางเมือง และทำเลศักยภาพจำนวนทั้ง 4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการรวมกว่า 3,200 ล้านบาท พร้อมด้วยอีก 15 โครงการบนทำเลศักยภาพที่อยู่ระหว่างการขายมูลค่ารวมกว่า 5,100 ล้านบาท

สำหรับโครงการที่เปิดใหม่ในปีนี้จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการลีออง (Leon) สุขุมวิท 62 ทาวน์โฮม 3 ชั้น จำนวน 58 ยูนิต บนเนื้อที่รวม 6 ไร่ มูลค่าโครงการ 430 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาส 1/57 สำหรับไตรมาส 3/57 เปิดเฟสใหม่โครงการชวนชื่นซิตี้ รามอินทรา บนเนื้อที่ 19 ไร่ ตั้งอยู่ระหว่างถนนวัชรพล – คู้บอน ประกอบด้วยบ้านเดี่ยวจำนวน 105 ยูนิต มูลค่าโครงการ 445 ล้านบาท

ส่วนไตรมาสสุดท้ายของปีนั้น พร้อมบุกอีก 2 โครงการ คือ โครงการชวนชื่นโมดัส วิภาวดี เปิดเฟสใหม่บนเนื้อที่ 40 ไร่ ประกอบด้วยทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวจำนวน 246 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,715 ล้านบาท และ โครงการใหม่ บนทำเลเอกชัย บ้านเดี่ยวจำนวน 89 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการรวม 31 ไร่ มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท

โครงการใหม่ทั้ง 4 โครงการดังกล่าวได้เตรียมที่ดินไว้แล้ว และอาจจะมีการเปิดโครงการเพิ่มเติมอีกหากสถานการณ์การเมืองจบลง ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังมีที่ดินที่พร้อมในการพัฒนาโครงการเพิ่มเติมอีก อาทิเช่น โครงการคอนโดมิเนียมที่ได้ชะลอโครงการออกไป มูลค่าโครงการราว 1.7-1.8 พันล้านบาท ขนาด 6 ไร่ บริเวณชานเมืองรอบในฝั่งตะวันตก

นายชวน กล่าวว่า ผลประกอบการในปี 56 พบว่ารายได้ต่ำกว่าเป้าหมานที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาทเล็กน้อย แต่ยังถือว่ามีการเติบโตเมื่อเทียบกับปี 55 โดยรายได้ที่ต่ำกว่าเป้าหมายเป็นผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีต่อรายได้ในช่วงไตรมาส 3-4/56 พลาดเป้า อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงทางด้านการเมือง เนื่องจากมีระดับหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ที่แค่ 0.33 เท่า จึงไม่ได้มีความกังวลใด ๆ

"เรายังมีที่ดินเหลือในมือที่พร้อมพัฒนาอีก ซึ่งถ้าสถานการณ์การเมืองจบลง เราก็อาจจะพิจารณาในการเปิดโครงการเพิ่มอีก เช่นโครงการคอนโด ที่เราซื้อที่ดินมาในช่วงต้นปี โดยหลังจากที่สถานการณ์การเมืองไม่มีความแน่นอนจึงได้เลือนการเปิดตัวโครงการออกไป เรามองว่าหลังจากที่สถานการณ์การเมืองจบลงอารมในการซื้อก็จะกลับมาและเพิ่มขึ้นมาก จะเห็นได้จากหลังเหตุการน้ำท่วมใหญ่ครั้งที่ผ่านมา เมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ก็มีคนกลับมาซื้อบ้านและคอนโดฯ จำนวนมาก"นายชวน กล่าว

ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินและการพัฒนาโครงการต่างๆ ไว้ที่ 800-1,000 ล้านบาทใกล้เคียงปี 56 ที่ผ่านมา โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้ซื้อที่ดินไปแล้ว 1 แห่ง ในขณะเดียวกันบริษัทฯเตรียมงบสำหรับทำการตลาดราว 80-100 ล้านบาท โดยจะเน้นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง และส่งผลต่อยอดการจองมากที่สุดคือ ป้ายบิลบอร์ด และเพิ่มช่องทางสื่อการตลาดด้วยสื่อออนไลน์

นางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายบัญชี-การเงิน กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทฯเตรียมจะออกตราสารทางการเงินมูลค่าไม่เกิน 1 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะออกล็อตละ 300-500 ล้านบาท

"เรายังไม่สามารถบอกได้ว่าจะออกตราสารทางการเงินแบบไหน เราต้องดูว่าในระยะเวลานั้นๆเหมาะสมกับรูปแบบไหน และมีความคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งแต่ละครั้งเราก็จะออกประมาณ 300-500 ล้านบาท แต่จะไม่เกิน 1 พันล้านบาท" นางสาวชุติมา กล่าว

นางสาวชุติมา กล่าวอีกว่า อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะกลับมาอยู่ในภาวะปกติที่ 38% หลังจากปี 56 ลดลงไปอยู่ที่ 35-36% เนื่องจากปีที่แล้วบริษัทรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมระดับล่างที่มีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างต่ำ ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทจะนำระบบ TUNNEL FORM มาใช้กับ TOWNHOME ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการก่อสร้าง และสามารถลดระยะเวลาก่อสร้างลงราว 40% จากปกติ

นางสาวชุติมา กล่าวต่อว่า หลังจากงบการเงินปีที่ผ่านมาออกมามีการเติบโตได้ค่อนข้างดี มั่นใจว่าจะมีปันผลอย่างแน่นอน โดยจะปันผลไม่ต่ำกว่านโยบายที่ 30% โดยจะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมบอร์ดในช่วงปลายเดือน ก.พ.57 นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ