นอกจากนี้ การปิดซ่อมโรงกลั่นจะทำให้กำลังการกลั่นในปีนี้ลดลงเหลือเฉลี่ย 95,000 บาร์เรล/วัน จากปีก่อนอยู่ที่เฉลี่ย 1.05-1.10 แสนบาร์เรล/วัน ส่งผลต่อกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA)ของธุรกิจโรงกลั่นลดลง แต่เนื่องจาก EBITDA จากธุรกิจโซลาร์ในปีนี้เพิ่มเข้ามาเป็น 2 พันล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่กว่า 1 พันล้านบาท จึงประมาณการ EBITDA ปีนี้อยู่ที่กว่า 9 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนที่คาดไว้ 9.6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ เฟส 3 มีขนาด 48 เมกะวัตต์ จะสร้างแล้วเสร็จในกลางปีนี้ และบริษัทจะรับรู้ EBITDA จากธุรกิจดังกล่าวเข้ามาเต็มปีในปี 58 เป็น 2.7 พันล้านบาท
"ครึ่งปีแรก ยังไม่กระทบอะไรกับเราก็ยังเป็นไปตามปกติ ก็คงไม่ดีขึ้น แต่ก็คงไม่แย่ไปกว่านี้ ประกอบเดือนพ.ค. เราปิดซ่อมบำรุง ยอดขายเราก็จะลดลงเล็กน้อยอยู่แล้ว"นายสุรชัย กล่าว
ขณะเดียวกัน ค่าการกลั่น(GRM)ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ 7 เหรียญ/บาร์เรลใกล้เคียงปีก่อน บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยราคา 101-105 เหรียญ/บาร์เรล โดยภาวะเศรษฐกิจของโลกในปีนี้ไม่แตกต่างจากปีก่อน หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปฟื้นตัว ส่วนเอเชียแม้จะภาวะเศรษฐกิจอ่อนตัว โดยเฉพาะจีน แต่โดยรวมก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอยู่
สำหรับกรณีที่มีการชุมนุมทางการเมือง นายสุรชัย กล่าวว่า ยังไม่ได้รับผลกระทบ สถานีบริการน้ำมันของบางจากก็ยังเปิดจำหน่ายไปตามปกติ ยกเว้นสาขาที่อยู่ใกล้กลุ่มชุมนุมก็จะปิดทำการไปบางแห่งที่เห็นว่าเป็นพื้นที่อันตราย ส่วนโครงการลงทุนอยู่ระหว่างพิจารณาของคณะกรรมการบริษัท โดยบางโครงการอาจทบทวนใหม่หรือเลื่อนออกไปขึ้นกับสถานการณ์ในประเทศ
ราคาหุ้น BCP ปิดภาคเช้าวันนี้ที่ระดับ 28.50 บาท บวก 0.75 บาท (+2.70%)