บลจ.ทหารไทย ออกกองทุนทริกเกอร์หุ้นยุโรป เป้าทำกำไร 10% ภายใน 1 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 11, 2014 15:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย เปิดเผยว่า บริษัทจัดตั้งกองทุนใหม่ขึ้น โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเปิดเสนอขายกองทุนทหารไทย ยูโรเปี้ยน โกรท ทริกเกอร์ 5+5 โดยมีนโยบายลงทุนในกองทุน Franklin European Growth Fund ซึ่งจดทะเบียนในประเทศลักซัมเบิร์ก เน้นการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีในภูมิภาคยุโรปที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในระยะกลางและระยะยาว โดยกองทุนดังกล่าวมีเป้าหมายในการทำกำไร 10% ใน 1 ปี เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรกในวันที่ 17-21 ก.พ.57

บริษัทฯได้มองเห็นถึงด้านการคุ้มค่าของราคาหุ้นของยุโรป ขณะนี้มีระดับ P/E ratio ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาค้อนข้างมาก ซึ่งมองว่าเวลานี้ยุโรปน่าสนใจและเหมาะสมแก่การลงทุน โดยจะเน้นลงทุนในกองทุนที่ชื่อ Franklin European Grrowth ซึ่งมีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือได้ โดยเงื่อนไขของกองทุนดังกล่าว เมื่อมีกำไร 5% จะคืนให้กับนักลงทุนก่อน และเมื่อได้อีก 5% หรือ 10.10 บาท จะมีการปิดกองทุนและคืนเงินให้กับนักลงทุน

"ทุกคนต้องยอมรับว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของประเทศเกิดใหม่ลดลง และประเทศที่พัฒนาแล้วได้พลิกฟื้นขึ้นมา ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเปลี่ยนทิศทางกระแสเงินไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเริ่มจาก สหรัฐฯ ตามมาคือญี่ปุ่น และที่กำลังจะมาคือ ยุโรป ที่กำลังพลิกฟื้นจาก ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ก็คาดว่าจะเป็นบวกในปีนี้ เราจึงมองเล็งเห็นว่า ยุโรปเป็นประเทศที่น่าสนใจ ด้วยปัจจัยที่ว่า ยุโรปจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และบริษัทฯจะมีความสามารถทำกำไรดีขึ้นด้วย และทิศทางการไหลของเงินก็เอื้อ รวมถึงนโยบายทางการเงินที่จะหนุมการเติบโต"นายสมจินต์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าเศรษฐกิจไทยปี 57 จะมีทิศทางที่สดใสขึ้น เนื่องจากประเทศที่กำลังพัฒนาหลายประเทศมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไทยจะได้รับผลดีตามมา แม้ตลาดหุ้นไทยจะยังคงได้รับผลกระทบจากแรงกดดันทางการเมือง แต่เชื่อว่าบริษัทจดทะเบียนของไทยจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาวะที่มีข้อจำกัดได้ โดยหลายบริษัทมองว่าในช่วงเวลาที่การเมืองไม่แน่นอนเป็นช่วงของการเติบโต เนื่องจากตลาดหุ้นที่ติดลบเป็นไปตามภูมิภาคและไม่ได้ถึงกับอยู่ในช่วงตกใจของตลาด ราคาที่ตกลงมาจึงถือว่าเหมาะสม
"บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังมีศักยภาพ ซึ่งความไม่แน่นอนทางการเมืองนั้นยังคงอาจจะยืดเยื้อ แง่มุมของการลงทุนในระดับราคายังคงสมเหตุสมผล ไม่แพงหรือถูกเกินไป แนะนักลงทุนควรลงทุนระยะยาวเพื่อก้าวผ่านความไม่แน่นอนระยะสั้นไปได้ และกระจายเงินทุนออกไปด้วย โดยเน้นหุ้นไทยเป็นหลัก ในสัดส่วน 70:30 เพื่อกระจายความเสี่ยงและได้โอกาสการลงทุนที่เหมาะสม"นายสมจินต์ กล่าว

สำหรับเงินทุนที่ไหลกลับไปยังประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่งผลให้ตลาดเกิดใหม่มีความผันผวนและหุ้นมีราคาถูกลง จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนที่จะขยายการลงทุนบางส่วนไปยังต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ