หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทฯ เนื่อง จากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีหลักประกัน และไม่ด้อยสิทธิของบริษัทฯ
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต ธุรกิจหลักที่หลากหลาย – อันดับเครดิตสะท้อนถึงธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีการกระจายความเสี่ยงของแหล่งที่มาของรายได้จากธุรกิจต่างๆ ประกอบด้วยธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจกระดาษ ซึ่งได้ช่วยสนับสนุนความแข็งแกร่งในการสร้างกระแสเงินสด โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจของธุรกิจปิโตรเคมี อยู่ในวัฏจักรขาลงในช่วงปี 2554-2555
ผู้นำในธุรกิจ – สถานะความเป็นผู้นำในแต่ละธุรกิจหลักของบริษัทฯ ซึ่งได้แก่ ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจกระดาษ ในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นปัจจัยหลักที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับบริษัทฯ ฟิทช์คาดว่าบริษัทฯ น่าจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจหลักเหล่านี้ได้ในอีกห้าปีข้างหน้า
แผนการลงทุนที่เพิ่มขึ้น – ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของ SCC จะเพิ่มขึ้นในปี 2557-2558 เพื่อขยายธุรกิจของบริษัทฯ โดยเฉพาะในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากแผนการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) ของบริษัทฯ น่าจะอยู่ที่ระดับ 3 เท่าถึง 3.5 เท่าในปี 2557 (อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 3 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2556) และน่าจะปรับลดลงต่ำกว่า 3 เท่าหลังจากนั้น เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจรวมถึงการเติบโตของธุรกิจปัจจุบัน
ผลประกอบการที่ดีขึ้น – ฟิทช์คาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ จะเพิ่มมากขึ้นในปี 2557 เนื่องจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง รวมถึงการฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมี นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการในธุรกิจวัสดุก่อสร้าง จำนวน 4 บริษัท และในธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ จำนวน 3 บริษัทในปีที่ผ่านมา น่าจะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงานให้กับบริษัทฯ อีกด้วย ฟิทช์ยังคาดการณ์อีกว่า ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์น่าจะยังคงอยู่ในระดับที่ดีใน ปี 2557
ความผันผวนของธุรกิจ – อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงการที่บริษัทฯ ต้องเผชิญกับความผันผวนของธุรกิจปิโตรเคมี และธุรกิจกระดาษ ความสามารถที่จำกัดในการกำหนดราคาในกลุ่มสินค้าประเภทโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯ รวมถึงการที่กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทฯ อ่อนไหวต่อราคาพลังงานที่อาจสูงขึ้น
ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต ปัจจัยบวก: -การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของสัดส่วนของกระแสเงินสดที่มาจากธุรกิจในต่างประเทศ -อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากและต่อเนื่อง (อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ประมาณร้อยละ 12 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556) -อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) ที่ต่ำกว่า 2.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยลบ:-อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อรายได้ รวมถึงกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ที่ลดลงอย่างมากและต่อเนื่อง-สถานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่อ่อนแอลงจากวัฏจักรขาลงของธุรกิจปิโตรเคมี หรือจากการเข้าซื้อกิจการด้วยเงินลงทุนที่สูง ซึ่งทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) สูงกว่า 3.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง