ขณะที่บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในปีนี้อย่างน้อย 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 5 พันล้านบาท โดยจะทยอยเปิดไตรมาส 1-3/57 ไตรมาสละ 1 โครงการ ส่วนไตรมาส 4/57 จะเปิดตัวอีก 2 โครงการ โดยจะแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 4 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีความพร้อมที่จะเปิดตัวโครงการเพิ่มเติมหากสถานการณ์การเมืองสงบลง
"เรามีที่ดินอยู่ในมือรองรับการพัฒนาได้อีก 3-4 ปี ซึ่งหากการเมืองเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น และมีความชัดเจนมากขึ้น บริษัทฯก็อาจจะมีการพิจารนาเปิดโครงการเพิ่มเติมอีก ปีนี้เราจะเน้นการเปิดโครงการแนวราบเป็นหลัก เพราะเรามองแนวราบเป็น real demand และไม่มีฟองสบู่"นายชัยรัตน์ กล่าว
นายชัยรัตน์ กล่าวถึงผลงานในปี 56 ว่า บริษัทมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 2.4 พันล้านบาท เท่ากับเป้าหมายที่ได้ปรับลดลงเป็นครั้งที่ 2 ในปีที่แล้ว เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/56 ที่ทำให้ยอดขายปรับลดลงค่อนข้างมาก เพราะผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจในสถานการณ์รอบด้าน
"หลังจากที่สถานการณ์การเมืองเกิดขึ้นนั้น กระทบกับความมั่นใจของผู้บริโภค ทำให้ยอดขายลดลงค่อนข้างมาก เพราะอสังหาริมทรัพย์เป็นสิ่งที่มูลค่าสูงที่สุดในชีวิตของลูกค้าที่ซื้อ ทำให้ต้องใช้ความมั่นใจมากในการตัดสินใจซื้อ" นายชัยรัตน์ กล่าว
สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 450 ล้านบาทให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือนักลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 10-12 ก.พ. 57 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยจำนวนเงินดังกล่าวจะนำไปใช้ในการดำเนินงานของบริษัท และใช้ในการซื้อที่ดิน โดยปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนในการซื้อที่ดินไว้ราว 1 พันล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมที่จะขออนุมัติในการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อกำหนดวงเงินออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีกมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท