(เพิ่มเติม) ตลท.เผยมี บจ.ใหม่รอเข้าเทรดอีก 5-6 รายช่วง มี.ค.-เม.ย.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 12, 2014 17:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.57 นี้จะมีบริษัทจดทะเบียนใหม่รอนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ราว 5-6 ราย แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองยังมีความไม่แน่นอน

ขณะเดียวกันปีนี้ยังมีอีกเกือบ 40 หลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยแบ่งเป็นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) 15-16 บริษัท หลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) 7 บริษัท และ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 13 กองทุน รวมถึง กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) อีก 1 กองทุน

นายชนิตร กล่าวอีกว่า บริษัทจดทะเบียนใหม่ที่กำลังจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในช่วงนี้ ได้แก่ บมจ.คราวน์ เทค แอดวานซ์(AJD) คาดว่าจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)ในวันที่ 20-24 ก.พ.และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์(SET)ในวันที่ 27 ก.พ.จากนั้นยังมีกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 1 กองทุน ที่อยู่ระหว่างรอดูสถานการณ์ทางการเมือง

ส่วน บมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์(PMTA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA) ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการอนุมัติไฟลิ่งจาก ก.ล.ต.ซึ่งทาง ก.ล.ต.มีกำหนดจะเข้าไปเยี่ยมชมบริษัทในเดือน มี.ค.57 ในขณะเดียวกันกลุ่มซีไอเอ็มบี อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลเพื่อที่จะยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต. โดยอยู่ระหว่างรอดูภาวะตลาดที่มีความเหมาะสม

นายชนิตร กล่าวอีกว่า แผนงานของตลท.ในปีนี้ เบื้องต้นยังคงเป้าหมายที่จะมีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO) มูลค่า 2.1 แสนล้านบาท ส่วนสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นนั้น มองว่าคงจะมีผลกระทบกับบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งการปรับตัวให้รับสถานการณ์ได้นั้นจะต้องใช้เวลา และอาจจะกระทบต่อต้นทุน โดยเฉพาะต้นทุนค่าขนส่ง แต่บริษัทขนาดใหญ่เชื่อว่าจะปรับตัวได้ดีกว่า เนื่องจากมีธุรกิจที่หลากหลาย รวมถึงมีการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ทำให้มีรายได้หลายๆส่วนที่จะเข้ามาทดแทนรายได้ที่หายไป

"เราเป็นห่วงบริษัทที่มีขนาดเล็กกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทำให้ต้นทุนหลายๆด้านเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะต้นทุนการขนส่ง ซึ่งเราไม่รู้ว่าบริษัทที่มีขนาดเล็กนั้นจะทนกับต้นทุนที่สูงขึ้นได้นานเท่าไหร่ แต่เราไม่ห่วงบริษัทขนาดใหญ่มากนักเพราะปรับตัวได้เร็ว และมีธุรกิจหลายๆธุรกิจที่กระจายไป รวมถึงยังมีธุรกิจในต่างประเทศอีก ซึ่งจะมาทดแทนสิ่งที่หายไปได้"นายชนิตร กล่าว

นายชนิตร กล่าวว่า แม้ว่าบางบริษัทอาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง แต่เชื่อว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์น่าจะมีผลประกอบการที่ดีในปี 56 และน่าจะให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ นอกจากนี้ ยังมีบริษัทที่มีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี จึงมองว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่น่าสนใจในการเข้าไปลงทุน เพราะหากการเมืองนิ่งก็คาดว่าตลาดหุ้นไทยก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และเติบโตเหมือนช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การเมือง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ