นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้านี้มีโอกาสเจอ profit taking หลังจากตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นไป 2-3 วัน ขณะที่ตลาดต่างประเทศก็ยังคงปรับฐาน โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบเล็กน้อย เนื่องจากคนไม่เชื่อตัวเลขการส่งออกของจีนที่ออกมาดีเกินคาดมากเกินไป และยังกังวลเกี่ยวกับเงินทุนไหลออกที่กดดัน Emerging Market
ขณะที่ตลาดบ้านเราก็กำลังจะหยุดยาวในสัปดาห์นี้ อาจทำให้นักลงทุนอาจจะชะลอการลงทุน เนื่องจากปัจจัยการเมืองก็ยังคงกดดันตลาดฯอยู่ โดยเฉพาะการชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม กปปส.อีกครั้งในวันที่ 14-16 ก.พ.นี้
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,300-1,320 จุด แนะซื้อหุ้นบลูชิพได้เพื่อลงทุนในระยะยาว เนื่องจาก downside ไม่มากแล้ว
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดวันทำการวานนี้(12 ก.พ.)ที่ 15,963.94 จุด ลดลง 30.83 จุด(-0.19%) ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,819.26 จุด ลดลง 0.49 จุด(-0.03%) ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,201.29 จุด เพิ่มขึ้น 10.24 จุด(+0.24%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 14.22 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.03 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 11.91 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 4.65 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.92 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.57 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ลดลง 0.40 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลง 2.65 จุด, ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนาม เพิ่มขึ้น 3.33 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(12 ก.พ.)ที่ 1,314.06 จุด เพิ่มขึ้น 17.81 จุด (+1.37%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 257.32 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ก.พ.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(12 ก.พ.)ที่ 100.37 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.43 ดอลลาร์หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(12 ก.พ.)ที่ 6.42 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.51/53 จับตาตัวเลขศก.สหรัฐฯ
- สศช.ชี้การเมืองกระทบจัดทำงบปี 2558 คาดประกาศไม่ทัน 1 ต.ค. ส่อไม่มีลงทุนภาครัฐ ทำได้แค่งบเงินเดือน ฉุดจีดีพีต่ำกว่าประมาณการ แถลงตัวเลขไตรมาส 4 จันทร์นี้ ขณะธปท.ประเมินเลวร้ายสุดได้รัฐบาลใหม่ไตรมาส 4 หวังส่งออกหนุนเศรษฐกิจ คงนโยบายดอกเบี้ยผ่อนคลายกระตุ้นเศรษฐกิจ
- แบงก์ชาติเผยสัญญาณหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกรณีรัฐไม่จ่ายค่าจำนำข้าวซ้ำเติมกลุ่มคนมีรายได้น้อยและเป็นกลุ่มครัวเรือนที่เปราะบางสุดในระบบเศรษฐกิจ พร้อมติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยยัง ไม่ขยับ เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจต่อไป เตรียมใจเงินไหลออกยาวอีก 1-2 ปี
- อสังหาฯ ปี 57 หืดจับ โตแค่ 0-5% หากการเมืองลากยาวถึงกลางปี ตลาดติดลบแน่ แนะเช็กสุขภาพธุรกิจ พร้อมปรับตัวรับมือ ด้านกสิกรไทยเตือนผู้ประกอบการรายกลาง-ย่อยบริหารสภาพคล่อง หากยอดโอนไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้
- โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายในช่วงนี้คงยังผ่อนคลายต่อไป เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ทิศทางดอกเบี้ยของไทยระยะสั้นอาจจะสวนทางกับทิศทางดอกเบี้ยในต่างประเทศบ้าง
- ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาส 4 และฉุดให้การขยายตัวในปี 2557 ลดลงเหลือเพียง 2% หากการเมืองส่งผลกระทบอย่างรุนแรงจนตั้งรัฐบาลได้ล่าช้า และทำงบประมาณปี 2558 ได้ช้าไปกว่าเดิม 1 ไตรมาส ซึ่งไม่ว่าใครจะขึ้นเป็นรัฐบาลใหม่ก็ตาม คาดว่างบการลงทุน 2 ล้านล้านบาทจะเหลือเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- THCOM(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 42 บาท วันนี้(13 ก.พ.)คาดประกาศกำไรปกติใน 4Q56 ที่ 392 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 340% YoY และ 7% QoQ ส่งผลให้ทั้งปี 56 กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1.34 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 669% YoY ขณะที่แนวโน้มในปี 57 ประเมินว่าผลดำเนินงานจะยังขยายตัวต่อเนื่อง ประเมินกำไรสุทธิ 1.80 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% YoY เทียบกับค่าเฉลี่ยของหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่เราศึกษาที่คาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 19% YoY จุดเด่นของ THCOM คือเป็นหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง
- PS(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 28.70 บาท คาดกำไรสุทธิ 4Q56 ออกมาโดดเด่นที่ 1.57 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% QoQ และ 27% YoY(ประกาศ 17 ก.พ.)จุดเด่นอยู่ที่งานในมือราว 3.8 หมื่นล้านบาทรองรับรายได้ต่อเนื่องใน 3 ปีข้างหน้า(ปี 57-59) ล่าสุดมีแผนเปิดโครงการใหม่ 55 โครงการในปี 57 มูลค่าราว 5.3 หมื่นล้านบาท ประเมินกำไรสุทธิปี 57 ที่ 5.51 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY และคาดผลตอบแทนเงินปันผลปี 57 ที่ 0.72 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield ราว 4%
- PTTGC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"เก็งกำไร"เป้า 87 บาท คาดกำไรใน 4Q56 เท่ากับ 7,272 ล้านบาท ลดลง 25.5% yoy แต่เพิ่มขึ้น 24.3% qoq เด่นกว่าคู่แข่งในกลุ่มน้ำมันขั้นปลายที่ผลดำเนินงานลดลง qoq กำไรที่ฟื้นตัวโดดเด่นเป็นผลจากการใช้กำลังการผลิตโอเลฟินส์ และ LDPE เพิ่มขึ้น บวกกับราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น 2.0-11.5% qoq ช่วยชดเชยการอ่อนแอของธุรกิจโรงกลั่นที่ค่าการกลั่นแคบลงในไตรมาสสุดท้ายของปี 56 บวกกับราคาส่วนต่างปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์ที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ และส่วนต่างราคาเบนซีน +7.6% wow ย่อมทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานเป็นบวกใน 1Q57