ขณะนี้ ตลท.จะร่วมมือพัฒนาตลาดทุนกับประเทศในกลุ่มอาเซียนตอนเหนือ คือ ลาว กัมพูชา พม่า และเวียดนาม เพื่อให้นักลงทุนระดับโลกและนักลงทุนทั่วไปมองมายังตลาดหุ้นไทยให้เสมือนหนึ่งเป็นตลาดทุนของอาเซียนโดยรวม โดยขณะนี้ได้สร้างความร่วมมือและทำกิจกรรมร่วมกันไปบางแล้ว ทั้งการให้การศึกษาและการฝึกอบรม ซึ่งจะมีการปรับหลักสูตรวิทยาลัยตลาดทุนของอาเซียน เชิญผู้บริหารและผู้กำกับดูแลตลาดทุนในอาเซียนมาร่วมกิจกรรมการศึกษานี้ด้วย
พร้อมกันนั้น ตลท.จะพัฒนาระบบไอทีทั้งของตลาดหุ้นและตลาดซื้อขายล่วงหน้า เพื่อให้เป็นตลาดที่ทันสมัยรองรับการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น โดยตามแผนงานในดือนพ.ค.จะเห็นการปรับปรุงและพัฒนาครั้งใหญ่เพื่อเริ่มต้นใช้ระบบใหม่ และจะทำให้เป็นศูนย์กลางการซื้อขายทั้งหุ้นและสัญญาล่วงหน้า นอกจากนั้น ยังอยู่ระหว่างศึกษาการขยายบทบาทของตลาดพันธบัตร และตลาดตราสารหนี้ เพื่อให้นักลงทุนทุกระดับเข้าถึงได้มากขึ้น
รวมถึงการปรับปรุงกองทุนพัฒนาตลาดทุนที่จะทำให้มีความชัดเจนมากขึ้น โดยจะเน้นหนักในการดูแลสังคมมากขึ้น ผ่านโครงการที่เรียกว่า ธุรกิจเพื่อสังคม จากเดิมจะส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนให้ดำเนินงานในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร หรือ CSR แต่ขณะนี้จะส่งเสริมในเรื่องของกิจการเพื่อสังคมหรือธุรกิจเพื่อสังคมมากขึ้น หรือส่งเสริมให้มีบริษัทธุรกิจเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะและสังคมมากขึ้น
"แต่เดิมนั้นบริษัททำประโยชน์เพื่อสังคมโดยให้เงินไปจำนวนหนึ่งเสมือนหนึ่งเป็นเงินบริจาค แต่สิ่งที่จะส่งเสริมต่อไปคือให้นำเงินจำนวนนั้นไปลงทุนในบริษัททำธุรกิจเพื่อสังคม เพื่อที่ว่าบริษัทที่ทำธุรกิจเพื่อสังคมนั้นจะได้มีเงินทุนในการดำเนินกิจการได้ และเงินที่ลงทุนไปนั้นก็ยังคงอยู่ ไม่ศูนย์เปล่า ซึ่งอาจจะให้อยู่ต่อไปหรือจะรับมาเป็นเงินปันผลก็ได้"
นายสถิตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เปราะบาง ส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นอย่างมาก แต่ตลท.ก็สามารถกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง โดยอยากให้นักลงทุนมองถึงในเรื่องของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ยังคงมีแนวโน้มที่ดีอยู่
ส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปีนี้มองว่าการส่งออกจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ก็จะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ หรือจีดีพี แต่ยังคงมีความเสี่ยงในเรื่องของการลงทุนภาครัฐ ในด้านการอนุมัติงบประมาณต่างๆ ซึ่งหากยังไม่สามารถจัดตั้งรับบาลใหม่ได้ ก็จะส่งผลไปถึงการลงทุนของภาคเอกชนที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนภาครัฐ ซึ่งหวังว่าจะสามารถจัดตั้งรับบาลใหม่ได้โดยเร็วที่สุด สำหรับด้านการบริโภคมองว่าไม่น่าเป็นกังวลมากนัก จากที่มองเป็นเหตุการณ์ปกติไปแล้ว และด้านการท่องเที่ยว โดยรวมยังอยู่ในภาวะที่ดีอยู่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีหารหลีกเลี่ยงเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองหลวงแต่ยังเหลือที่จะท่องเที่ยวในจังหวัดอื่นๆ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่