บริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้ากลุ่มแนวราบในกรุงเทพและต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนหัวเมืองหลักและหัวเมืองชั้นรอง เน้นภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยยังคงเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีเรียลดีมานด์ โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายโครงการในต่างจังหวัดแล้ว 6 โครงการ ในชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และ นครราชสีมา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี
ในปี 57 แม้มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง แต่บริษัทได้วางแผนกระจายความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า 2-3 ปี โดยมีการบริหารรัดกุม ควบคุมความเสี่ยง รวมถึงควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดี ทำให้ค่าใช้จ่ายอยู่ในงบ ส่งผลให้บริษัทมีสภาพคล่องดีและมีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำ จึงยังมีโอกาสขยายการลงทุนได้อีก
ปัจจุบันบริษัทมี Backlog 1.2-1.3 พันล้านบาท รับรู้รายได้ปีนี้ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ปีนี้บริษัทเตรียมรุกตลาดระดับกลางลงล่างโดยจะเปิด 2 โครงการ ราคาเริ่มต้น 1-2 ล้านบาท กำลังศึกษาโมเดลอยู่โดยดูทั้งในกทม.และต่างจังหวัด ในทุกทำเลเดิมที่เปิดซึ่งตลาดยังมีช่องว่างอยู่ คาดเห็นโครงการแรกไตรมาส 3-4 นี้
ปีนี้เตรียมงบซื้อที่ดิน 800-900 ล้านบาท โดยโครงการที่จะเปิด 6-8 โครงการปีนี้ มีที่ดินแล้ว 4-5 โครงการ ที่เหลือซื้อเพิ่ม ใน 6-8 โครงการ จะเป็นคอนโดฯไม่เกิน 1 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นแนวราบ อย่างไรก็ตาม ถ้าการเมืองยังไม่จบอาจจะไม่เปิดคอนโดฯเลย
"ปีนี้ถ้าจะเปิดคอนโดฯต้องดูให้รอบคอบ เพราะซัพพลายเหลืออยู่ และการเปิดโครงการใหม่ใน 6 เดือนแรกคงยังไม่เปิด คาดเปิดปลายไตรมาส 2 เป็นต้นไป ยิ่งในกทม.ถ้าการเมืองแบบนี้ไม่อยากเปิดเลย ปีนี้เราก็จะต่อยอดโครงการต่างจังหวัดมากขึ้น เช่น อุบลฯ อุดรฯ ขอนแก่น"นายไชยันต์ กล่าว
ในปีนี้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารอยู่ที่ 15-20% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ไม่เกิน 15% จะเห็นได้ว่าปีนี้แบงก์ตึงมือมากขึ้น ขณะที่ราคาบ้านปีนี้น่าจะทรงๆ ในแง่ฐานะการเงินปี 56 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 0.65 เท่า ถือว่าต่ำกว่าตลาด ตั้งแต่ธ.ค.เป็นต้นมายอด visit size หายไป 20% เทียบกับภาวะปกติ ส่งผลให้ยอดพรีเซลน่าจะชะลอ 17-18% เทียบกับปกติ
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล ผู้อำนวยการ SBU2 LALIN คาดว่า ยอดขายปี 56 จบที่เกือบ 3,000 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 2,250 ล้านบาท ใกล้เคียงเป้าที่จะเติบโต 12-15% ส่วนกำไรก็เป็นไปตามเป้า