กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทางการเงินภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน ทั้งในและต่างประเทศที่มีความน่าเชื่อทีอยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ส่วนที่ลงทุนในต่างประเทศจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน (Fully Hedging)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า จากสถานการณ์การเมืองที่ยืดเยื้อกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจพิจารณาตัดสินใจประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง จากเดิมที่อยู่ในระดับ 2.25% เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนและกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศ ดังนั้น คาดว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะช่วงดอกเบี้ยขาลงหรืออยู่ในระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้
“บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล มองว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยขาลง ซึ่งมีแนวโน้มดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ โดยทางเลือกการลงทุนที่มีระดับความเสี่ยงต่ำและระยะเวลาลงทุนสั้น แต่มีโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจ ดังนั้นกองทุนเปิดกองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เอ็นแฮนซ์ ตราสารหนี้ 6M18 ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ อายุการลงทุนประมาณ 6 เดือน ประมาณการณ์ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3% ต่อปี พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย"นายจุมพล กล่าว
ทั้งนี้ บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล มั่นใจว่านักลงทุนจะให้ความสนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่นำเสนอใหม่นี้ เนื่องจากภาวะดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจนกว่าปัญหาวิกฤติการณ์ทางการเมืองจะคลี่คลายและมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เอ็นแฮนซ์ ตราสารหนี้ 6M18 จะสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้น โดยมีผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ