บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท โดยราคาดังกล่าวถือเป็นระดับที่เหมาะสมต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทและเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจจากผู้ลงทุนจำนวนมาก ทั้งนี้หุ้น AJD จะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 20-21 และ 24 กุมภาพันธ์นี้ และคาดว่าสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (SET) ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 57
พร้อมกันนี้มีผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายเข้าร่วมอีก 5 แห่ง ประกอบด้วย บล.เอเซีย พลัส, บล.คันทรี่ กรุ๊ป, บล.โกลเบล็ก, บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) และบล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด
ด้านนายอมร มีมะโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AJD เปิดเผยว่า ธุรกิจของบริษัทมีโอกาสขยายตัวไปได้อีกมากจากอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ยังเป็นขาขึ้น ซึ่งสินค้าของกลุ่มบริษัทประกอบด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทภาพและเสียง (Audio and Visual: AV) อาทิเช่น เครื่องเล่นดีวีดีและเครื่องเล่นดีวีดีบลูเรย์ ชุดโฮมเธียร์เตอร์ วิทยุ เครื่องเล่นคาราโอเกะ เป็นต้น ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 70 ของรายได้จากการขาย และเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทเครื่องใช้ในครัวเรือน (Home Appliance: AP) อาทิเช่น แอร์เคลื่อนที่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า กระติกน้ำร้อนไฟฟ้า เตาแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 30 ของรายได้จากการขาย
เป้าหมายรายได้ในปีนี้คาดขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินว่ารายได้ในส่วนของ AP จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รายได้ AV จะเพิ่มขึ้นจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ Set Top Box, Smart Set Top Box, DVD Set Top Box และ Digital TV เพื่อรองรับระบบทีวีดิจิตอล
“เราไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์และการพัฒนาของเทคโนโลยี โดยในปีนี้นอกจากจะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อรองรับระบบทีวีดิจิตอล และบริษัทได้วางแผนที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยจะเพิ่มชนิดสินค้าในโมเดิร์นเทรดและเพิ่มตัวแทนจำหน่ายซึ่งเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ในแต่ละจังหวัด อีกทั้งจะมุ่งเน้นทำการตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดเครื่องเล่นคาราโอเกะ ซึ่งปัจจุบันสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งของเครื่องเล่นดีวีดี" นายอมร กล่าว
ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวถึงการกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอของ AJD ว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท เนื่องจากธุรกิจมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง เพราะ AJD มีจุดแข็งตรงที่มีความโดดเด่นและแบรนด์ AJ เป็นแบรนด์ไทยอันดับ 1 ของเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงการมีช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแกร่งผ่านโมเดิร์นเทรด อีกทั้งในปีนี้จะมีสินค้าใหม่เพื่อรองรับระบบทีวีดิจิตอลที่จะเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเติบโตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ และมีแนวโน้มขยายตัวตามทิศทางของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ยังคงสดใส
อีกประเด็นที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนคือผลประกอบการของ AJD มีอัตราการขยายตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีและล่าสุด งวด 9 เดือนปี 56 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 50.68 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ากำไรสุทธิตลอดทั้งปี 55 ที่มีกำไรสุทธิ 32.31 ล้านบาท ดังนั้น จึงทำให้มั่นใจว่าหุ้นไอพีโอของ AJD จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลามเมื่อเปิดให้จองซื้อและคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนด้วย