เบื้องต้นกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกโดย บมจ.น้ำตาลขอนแก่น(KSL) หุ้นกู้ที่ออกโดยบมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BMCL) ซึ่งหุ้นกู้ทั้งสองได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS อยู่ที่ระดับ A ร่วมด้วยหุ้นกู้ของ บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์(GLOBAL) หุ้นกู้มีประกันบางส่วนของ บมจ.กรุ๊ปลีส(GL) ซึ่งค้ำประกัน 60% ของมูลค่ารวมโดยธนาคารกสิกรไทย และยังลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกโดยธนาคารเกียรตินาคิน ซึ่งทั้งหมดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A- นอกจากนี้ยังลงทุนเพิ่มเติมในหุ้นกู้ของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น(WHA)ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ประเทศไทย ที่ระดับ A-โดยกองทุนดังกล่าวจะมีการจ่ายผลตอบแทนโดยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุกๆ 6 เดือน ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจการลงทุนในช่วงนี้
"เศรษฐกิจและการลงทุนไทยในช่วงระยะสั้น ยังคงมีความเสี่ยงจากประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งส่งผลให้มีการชุมนุมอย่างยืดเยื้อ และสร้างความผันผวนให้กับการลงทุนของไทยตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศมีแนวโน้มทรงตัวหรืออาจปรับตัวลดลงได้ ตามการคาดการณ์ของตลาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. อาจมีการปรับลดลงจากการประชุมในครั้งถัดไป สำหรับบลจ.กสิกรไทยจึงแนะนำให้ผู้ลงทุนเลือกกระจายความเสี่ยงและจับจังหวะเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง หรือสามารถเลือกพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้ประเภท"นายชัชชัย กล่าว