นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่า ปี 57 ได้ตั้งเป้ายอดขายที่ 267,000 ล้านบาท เติบโต 14% จากปี 56 ที่ 233,993 ล้านบาท หรือโต 19% ตามเป้า สำหรับปีนี้แม้เศรษฐกิจช่วงนี้จะมีปัญหาแต่คิดว่าบริษัทน่าจะรักษาเป้าที่จะโต 14% ได้ ส่วนผลกระทบจากการเมืองคาดว่าจะกระทบต่อยอดขายรวมเล็กน้อยราว 1-2% ขณะที่ยอดขายโตเฉลี่ย 20% มาต่อเนื่อง 3 ปี ดังนั้น คงยากที่จะเห็นการเติบโตอีก 20% ติดต่อกัน 5-6 ปี
"ปีนี้โต 14% ก็ถือว่าสูงมาก แม้มีผลกระทบการเมือง แต่ 6 ปีที่ผ่านมาเราก็ผ่านวิกฤติทุกรูปแบบ โดยเฉพาะปี 1997 วิกฤตการเงิน หรือน้ำท่วม การเมือง ทุกรูปแบบ ข้อดีคือเราสร้างภูมิคุ้มกันไว้เยอะ ข้ำสำคัญดูแลความเสี่ยงการเงิน ปีนี้ก็ไม่ต่างจากปีอื่น ๆ ในแง่การลงทุนก็ยังลงทุนต่อปีนี้ก็ยังสูงกว่าปี 56ด้วยซ้ำ"นายทศ กล่าว
นอกจากนี้ กลุ่มเซ็นทรัลได้วางงบลงทุนปีนี้ 44,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 56 ที่ 33,000 ล้านบาท โดยงบฯปีนี้ใช้สำหรับโครงการที่มีการยืนยันแล้ว แต่ยังไม่นับรวมโครงการใหม่ที่อาจจะมีการตกลงระหว่างปี
"ขณะที่หลายคนห่วงเรื่องบ้านเมืองไม่แน่นอน แต่เราจะยืนตัวเลขนี้เพราะมีความจำเป็น เพราะถ้าทุกคนชะลอหมดประเทศก็จะเสียหาย"นายทศ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 57 กลุ่มเซ็นทรัลตั้งเป้าเปิดศูนย์การค้าใหม่ 8 แห่ง เป็นศูนย์การค้าในกทม. 2 แห่ง ต่างจังหวัด 6 แห่ง แบ่งเป็นห้างเซ็นทรัล 2 แห่ง คือ เซ็นทรัล เฟสติวัล สมุย จ.สุราษฎร์ฯ เปิดในเดือน มี.ค. และห้างเซ็นทรัล พลาซ่า ศาลายา จ.นครปฐม เปิดในเดือน ส.ค. และในปีนี้จะมีโครงการสุดยอดรีเทลแลนด์มาร์ค คือ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ จะเปิดให้บริการหลังเทศกาลสงกรานต์
ส่วนอีก 5 แห่ง เป็นสาขาห้างโรบินสัน คือ ปราจีนบุรี ร้อยเอ็ด ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ และมุกดาหาร ในส่วนโรงแรมในเครือเซ็นทรัลจะเปิดปีละ 10 แห่งตามแผนงานทั้งในและต่างประเทศ
ปัจจุบัน บริษัทยังมีดีลควบรวมกิจการ(M&A)ที่อยู่ในระหว่างเจรจาราว 10 ราย ถือว่าไม่มากนัก แต่ละดีลไม่จำกัดขนาด โดยเน้นการลงทุนในประเทศ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)และยุโรป ตามลำดับ ในแง่ของกลุ่มบริษัท 3 ปีก่อนรายได้ต่างประเทศเกือบ 0% แต่ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาที่ราว 15% ซึ่งคาดว่าใน 5-10 ปีข้างหน้า ตัวเลขคงขึ้นไปเรื่อยๆ 20-30% และ 50% หลังจากผ่านช่วง 10 ปีไปแล้ว
"แผน M&A ยัง active เหมือนเดิมทุกปี เพราะเป็นหน่วยงานหลักที่จะนำพารายได้ให้บริษัทเติบโต ซึ่ง M&A จะช่วยให้รายได้โตขึ้น 3-4% ต่อปี พูดยากว่าจะเจรจาสำเร็จเมื่อไร ขึ้นอยู่กับโอกาส ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ 15 ประเทศ"นายทศ กล่าว
นายทศ ให้ความเห็นว่า ในปีนี้เศรษฐกิจไทยคงจะเติบโตได้ไม่มากนัก ขณะที่เงินบาทก็อ่อนค่าลงมา คาดว่า ณ จุดนี้ค่าเงินบาทคงจะทรงตัวต่อเนื่องไประยะหนึ่ง ซึ่งในแง่เศรษฐกิจในปัจจุบันขึ้นกับสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะจบลงเมื่อใด แต่แผนงานของบริษัทได้คำนึงถึง 2 เรื่องไว้แล้ว กำลังซื้อในปีนี้อาจเป็นปัญหาบ้าง สิ่งสำคัญอยู่ที่อารมณ์การซื้อ การเมืองกระทบในแง่ของอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอย แต่โดยรวมก็ยังโอเคไม่ต่างจากวิกฤติต่าง ๆ
"ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลที่กระทบมากสุดก็ เซ็นทรัลเวิร์ด เพราะชุมนุมล้อมรอบ และแจ้งวัฒนะ ส่วนต่างจังหวัดก็อาจกระทบบ้างในแง่ทัวร์"
ด้านธุรกิจในต่างประเทศ ปีนี้จะเปิดห้างสรรพสินค้าในเวียดนาม 2 แห่งในเดือน มี.ค.ที่ฮานอย และเดือน ต.ค.ที่โฮจิมินห์ ขณะที่มาเลเซีย เซ็นสัญญาแห่ง 1 แห่ง สำหรับธุรกิจโรงแรมได้เซ็นสัญญารับบริหารโรงแรมแห่งแรกที่ประเทศการ์ต้าและเอธิโอเปีย คาดว่าจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ ส่วนธุรกิจเซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง(CMG)ได้มีการนำแบรนด์ใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดเมืองไทยมากมาย และในอาเซียน จากปัจจุบันเข้าไปทำธุรกิจในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ซึ่งปีนี้มีแผนขยายงานเพิ่มที่อินโดนีเซียจะเปิดร้านค้าเพิ่มในห้างเซ็นทรัล โดย CMG จะขยายงานไปด้วยกันกับห้างในเครือเซ็นทรัลและซื้อแบรนด์เพิ่ม