และสำหรับโครงการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าในปีนี้คาดว่าจะมี 2 แห่ง คือ บริษัท เอจีอี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด เข้าไปซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท เอ เอนจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด ในสัดส่วน 90% เพื่อผลิตและจำหน่ากระแสไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 2 เมกะวัตต์ และก๊าซชีวภาพขนาด 1 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย ใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 170 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 1/58 และคาดว่าสามารถสร้างรายได้ประมาณ 70 ล้านบาทต่อปี
ส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าแห่งที่สอง บริษัท เอจีอี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด จะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่จัดตั้งใหม่ ถือหุ้นในสัดส่วน 70% ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าชีวมวล โดยจะเป็นโรงไฟฟ้าประเภทโคเจนเนอเรชั่น ขนาด 9 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดพิจิตร ใช้งบลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทในงวดปี 56(ม.ค.-ธ.ค.56)ว่า บริษัทมีรายได้ 5,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 55 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม อยู่ที่ 4371 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 95.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลขาดทุน 2.69 ล้านบาท
สาเหตุที่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทมีปริมาณการขายถ่านหินที่ดีขึ้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยยอดขายต่างประเทศในปี 56 อยู่ที่ 1.04 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 95% จากช่วงปี 55 ที่มียอดขายถ่านหินในต่างประเทศอยู่ที่ 0.53 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลมาจากขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ และการรักษาฐานลูกค้าเดิม ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลให้ในปี 56 บริษัทฯมีอัตราการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ยอดออเดอร์นในประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยมียอดขายในประเทศ อยู่ที่ 1.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 12.6% จากปีก่อนที่มีปริมาณการขายในประเทศที่ 1.2 ล้านตัน ส่งผลให้AGE มียอดขายถ่านหินทั้งหมดในปี 56 ที่ 2.4 ล้านตัน
“ปี 56 บริษัทฯเน้นแผนกลยุทธ์ เรื่องการลดต้นทุน และแผนทางการตลาด อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทำให้บริษัทฯ มียอดออเดอร์จากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ภายในประเทศ ประมาณ 70% และต่างประเทศประมาณ 30%"นายพนม กล่าว