ในปี 57 บริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม 1.8 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปี 56 ที่มียอดรับรู้รายได้ 1.55 หมื่นล้านบาท ซึ่งพลาดเป้าหมาย 1.75 หมื่นล้านบาท เพราะมีบางโครงการยังไม่ได้รับอนุมัติการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) มูลค่าโครงการราว 2 พันล้านบาท ทำให้ตกค้างมารอโอนในปีนี้
ปัจจุบันมียอดขายรอโอน (backlog) จำนวน 5.3 หมื่นล้านบาท โดยคาดโอนได้ในปีนี้ 1.4 หมื่นล้านบาท และจะหาเพิ่มเข้ามาอีก 4 พันล้านบาท จากโครงการใหม่ที่ขายได้พร้อมโอน ส่วนในปี 58 จะรับรู้รายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท และในปี 59 รับรู้รายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท
"รายได้ของเรา secure แล้ว 80% เหลืออีก 4 พันล้านบาทที่รอสร้างเสร็จในปีนี้และขายพร้อมโอนในปีนี้ รายได้ 1.8 หมื่นล้านบาทก็ไม่น่ายากนัก"นายอุทัย กล่าว
สำหรับโครงการใหม่ 9 แห่ง ลดลงจากปีก่อน เพราะต้องการรอดูสถานการณ์การเมืองให้คลี่คลาย โดยมีที่ดินแล้ว 8 โครงการ จะเปิดในไตรมาส 1/57 จำนวน 1 โครงการ, ไตรมาส 2/57 จะเปิด 3 โครงการ ,ไตรมาส 3/57 จะเปิด 4 และไตรมาส 4/57 เปิด 1 โครงการ ซึ่งบริษัทจะเปิดโครงการมากกว่าครึ่งปีแรก เพราะต้องการรอดูสถานการณ์การเมืองให้ชัดเจนก่อน
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียม NYX มูลค่า 3 พันล้านบาทช่วงเดือนมี.ค.
ส่วนการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัดได้รับการตอบรับอย่างดี ได้แก่ ภูเก็ต ส่วนใหญ่ต่างชาติซื้อประมาณ 75% เช่น จีน สิงคโปร์ อังกฤษ เป็นต้น
นายอุทัย กล่าวว่า ตั้งแต่เดือน ธ.ค.56 เป็นต้นมามีลูกค้าทิ้งเงินจองและเงินดาวน์ในสัดส่วนประมาณ 5% ถือว่าไม่น่ากลัวนัก โดยส่วนใหญ่จะซื้อโครงการเพื่อการลงทุน ขณะที่ในปีที่แล้วมีลูกค้าโอนล่าช้าเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% จากระดับปกติอัตราล่าช้าอยู่ที่ 5-10% แต่ก็ไม่มีนัยสำคัญมากนัก ส่วนหนึ่งมองว่าอาจไม่มั่นใจรายได้ตัวเอง และตั้งแต่ ธ.ค.56 ยอดขายคอนโดมิเนียมหายไป 50% เทียบกับภาวะปกติ
"การเมืองหากไม่เกิดเหตุรุนแรง ก็น่าจะโอนได้ตามเป้า หรือการเมืองไม่ลามก็คิดว่าจะสามารถควบคุมได้"นายอุทัย กล่าว