ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมเปิดให้บริการศูนย์อบรมเทรนนิ่งเซ็นเตอร์ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ซึ่งศูนย์ดังกล่าว จะเปิดโอกาสให้บุคลากรภายนอกจากภายในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาฝึกอบรมด้านอุปกรณ์เครือข่าย (Networking Solutions) ของ Cisco System จากเดิมที่เป็นเพียงศูนย์ฝึกอบรมให้แก่ลูกค้าของบริษัทฯ โดยมีเป้าหมายจะพัฒนาให้เป็นศูนย์ฝึกอบรมระดับภูมิภาค ขณะเดียวกัน ยังเปิดให้บริการศูนย์ประชุม Telepresence หรือการประชุมทางไกลโดยใช้เทคโนโลยีด้านอุปกรณ์เครือข่ายระดับสูงจาก Cisco System ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เพื่อให้บริการแก่องค์กรธุรกิจภาครัฐและเอกชนที่มีความต้องการประชุมทางไกล สามารถเข้ามาเช่าใช้บริการสถานที่ติดต่อจัดประชุมกับบริษัทฯ ในต่างประเทศได้ โดยคาดว่าทั้ง 2 โครงการนี้จะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือนมีนาคมนี้
“หลังจากเราเพิ่มทุนเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้เรามีความแข็งแกร่งและพร้อมลงทุนขยายธุรกิจรับโอกาสทางธุรกิจไปยังตลาดประเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและความต้องการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทั้งด้านทางโครงข่ายและการให้บริการ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ที่ AIT มีศักยภาพและความพร้อมการให้บริการเพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมได้ ซึ่งเชื่อว่าแนวทางดังกล่าว จะทำให้ AIT สามารถผลักดันความสำเร็จทางธุรกิจเติบโตได้ดียิ่งขึ้น" นายศิริพงษ์ กล่าว
ด้านนายอัศวิน กังวลกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและแผนงานยุทธศาสตร์ AIT กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปี 2556 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายและการบริการทั้งสิ้น 6,023 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิ 568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55 % เทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งการเติบโตทั้งในแง่รายได้และกำไรถือว่าเป็นการเติบโตกว่าเป้าหมายและทำสถิติสูงสุด เนื่องจาก AIT สามารถทยอยส่งมอบงานให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังในอัตรา 1 บาทต่อหุ้น เพิ่มเติมจากเงินปันผลระหว่างกาลที่จ่ายไปแล้วในอัตรา 1.75 บาทต่อหุ้น ดังนั้นรวมทั้งปีสำหรับปี 2556 จ่ายเงินปันผลเท่ากับ 2.75 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 18 เมษายน 2557
ส่วนภาพรวมบรรยากาศการลงทุนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในปีนี้มองว่า ในครึ่งปีแรกปัจจัยการเมืองที่ส่งผลต่อการลงทุนด้าน ICT ที่มีมูลค่าโครงการขนาดใหญ่ชะลอตัวลงไป แต่สำหรับงานโครงการขนาดเล็กที่มีมูลค่างานไม่เกิน 100 ล้านบาท ยังดำเนินการเปิดประมูลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าไปแข่งขันเพื่อรับงานเพิ่มเติม และเชื่อว่าครึ่งปีหลังบรรยากาศจะกลับมาคึกคัก หลังสถานการณ์คลีคลาย ซึ่งเป็นโอกาสของ AIT จะเข้าไปประมูลงานเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มมูลค่างานในมือ (Backlog) จากปัจจุบัน ณ สิ้นเดือนธันวาคม AIT มี Backlog กว่า 4 พันล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 90% จากมูลค่างานทั้งหมด จึงมั่นใจว่าปี 57 จะทำรายได้ 6,200 ล้านบาทตามเป้า