มีสาเหตุสำคัญมาจากประเทศจีนออกกฎหมายการท่องเที่ยวฉบับใหม่ ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาทัวร์ต่างประเทศซึ่งส่งผลอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ทำให้หลายประเทศออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย ทำให้ในเดือนนี้มีจำนวนผู้โดยสาร 1.71 ล้านคนลดลงจาก 1.89 ล้านคนจากเดือนเดียวกันของปีก่อน หรือลดลงร้อยละ 9.5 ส่งผลให้ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (Revenue Passenger – Kilometer : RPK) ต่ำกว่าปีก่อนร้อยละ 5.5
ในขณะที่ในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทมีแผนขยายการผลิตโดยการเปิดเส้นทางบินใหม่เพิ่มขึ้น อาทิ หลวงพระบาง เซนได ฉงชิ่ง ฉางซา รวมถึง การเพิ่มกำลังการผลิตไปยังเมืองซัปโปโร ทำให้มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร(Available Seat - Kilometer : ASK) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2
การดำเนินงานด้านการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์(Revenue Freight Ton-Kilometers : RFK) ปรับตัวดีขึ้นจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้าสูงกว่าปีก่อน ร้อยละ 2.5 มีปริมาณการผลิตด้านสินค้าและพัสดุภัณฑ์(Available Dead Load Ton-Kilometers : ADTK) สูงขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 2.1 ทำให้อัตราการบรรทุกสินค้า (Freight Load Factor)โดยรวมทั้งใต้ท้องเครื่องบิน (Belly) และเครื่องบินขนส่งสินค้า (Freighter) เฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 47.3 สูงกว่าปีก่อนที่เฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 47.0
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรตามข้อเสนอของที่ปรึกษา และความเห็นของคณะกรรมการบริษัทฯ ซึ่งฝ่ายบริหารได้ปรับปรุงและนำมาเสนอ โดยที่การปรับปรุงโครงสร้างครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้โครงสร้างองค์กรกระชับ.(Lean.Organization) สอดรับกับภารกิจเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการบริหารต้นทุน มีการบริหารและวิเคราะห์ข้อมูลที่เชื่อมโยงกันและครอบคลุมทุกภาคส่วนซึ่งจะสนับสนุนการวางแผนกลยุทธ์และพัฒนาองค์กรรวมทั้งการขายให้มีประสิทธิภาพและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์การแข่งขันมากยิ่งขึ้น ลดความซ้ำซ้อนของหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานและเพิ่มความเชื่อมโยงของงานที่มีความเกี่ยวพันกัน
ผลจากการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร จะทำให้บริษัทฯ มีสายงานบังคับบัญชาที่กระชับ การบริหารงานจึงสามารถดำเนินการได้อย่างคล่องตัว การปรับลดหน่วยงานในโครงสร้างงจะช่วยให้การควบคุมและกำกับดูแลมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ในขณะที่พนักงานในหน่วยงานที่มีการปรับปรุงโครงสร้างไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูงในการแก้ไขปัญหาการดำเนินการของบริษัทฯ ให้บรรลุผลตามที่วางแผนไว้ โดยมุ่งเน้นการกำกับดูแล เร่งรัดการแสวงหารายได้อย่างใกล้ชิด จึงมีมติโยกย้ายสับเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูง คือให้นายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายการพาณิชย์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่.ดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
และให้นายธีรพล โชติชนาภิบาล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นต้นไป
การโยกย้ายสับเปลี่ยนดังกล่าว เพื่อให้ภารกิจการวางแผนกลยุทธ์และขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านต่างๆ ขององค์กร ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับภาระหน้าที่ของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ที่ต้องกำกับดูแลการดำเนินการของสายงานต่างๆ ให้เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทฯและสามารถดำเนินการขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน
ในขณะที่การดำเนินการของสายการพาณิชย์ ต้องเร่งขับเคลื่อนการแสวงหารายได้อย่างเร่งด่วน และต้องมีการกำกับดูแลการหารายได้อย่างใกล้ชิด การที่คณะกรรมการบริษัทฯ ได้ให้ นายธีรพล โชติชนาภิบาล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ มารับตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการการพาณิชย์ นั้น เพราะ นายธีรพลฯ มีความรู้ ความชำนาญ และมีประสบการณ์ตรงในงานของสายการพาณิชย์มายาวนาน เคยได้รับมอบหมายให้ดูแลงานในสายการพาณิชย์มาแล้วหลายด้าน เช่น งานวางแผนระบบข้อมูลสำรองที่นั่ง วางแผนการตลาด การดำเนินการและพัฒนาระบบการขาย การบริหารตราผลิตภัณฑ์และสื่อสารการพาณิชย์ ผู้จัดการประจำสำนักงานสาขาต่างประเทศ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพัฒนาและสนับสนุนการพาณิชย์ อีกทั้งเคยรักษาการตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ มาแล้วด้วย ดังนั้น นายธีรพล จะสามารถเร่งผลักดันนโยบายในการแสวงหารายได้ในทันที