(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลง เหตุหลักเจอผลกระทบการเมืองที่รุนแรงขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 24, 2014 09:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง และมีโอกาสที่จะต่ำกว่าระดับ 1,300 จุด เนื่องจากมองว่าน่าจะรับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น และออกจะไปในแนวการก่อการร้าย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อตลาดฯ

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ดาวโจนส์ได้ปรับตัวลง หลังจากที่ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯออกมาติดลบ 5.1% มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะติดลบ 4.1% อย่างไรก็ดีการประชุม G20 ก็ได้มีผลสรุปออกมาว่าต้องการให้เศรษฐกิจโลกมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 2% ซึ่งก็คงจะใช้การจ้างงานเพิ่มขึ้น, การลงทุนเพิ่มขึ้น เป็นต้น

พร้อมให้แนวรับ 1,285-1,290 จุด แนวต้าน 1,315-1,320 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(21 ก.พ.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,103.30 จุด ลดลง 29.93 จุด (-0.19%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,836.25 จุด ลดลง 3.53 จุด (-0.19%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,263.41 จุด ลดลง 4.14 จุด(-0.10%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 62.03 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 13.97 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 8.11 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 1.75 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.23 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.50 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.70 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(21 ก.พ.)ที่ 1,304.21 จุด เพิ่มขึ้น 0.23 จุด(+0.02%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 436.85 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ก.พ.57
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(21 ก.พ.)ที่ 102.2 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 55 เซนต์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(21 ก.พ.)ที่ 6.59 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.59/60 หลังเกิดเหตุรุนแรงทางการเมือง
  • นักเศรษฐศาสตร์ ประเมินการเมืองลากยาว หวั่นไทยเสียโอกาสการค้า-ลงทุน กดเศรษฐกิจซบเซา อาจกดดัน"ธปท."ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เหลือ 2.00% ในเดือนมี.ค.นี้ ชี้ส่งออกความหวังเดียวประคองเศรษฐกิจขยายตัว ระบุเศรษฐกิจไทยยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ แต่เติบโตต่ำคาด
  • นักธุรกิจทั้งภาคการลงทุนและการลงทุน ต่างเห็นว่ารัฐบาลควรยกเลิกประกาศที่ออกตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมาไทย รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนหลังจากศาลแพ่งมีคำสั่งห้ามนำประกาศ 9 ข้อตามประกาศมาใช้กับผู้ชุมนุม
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า เดือน ม.ค. 2557 พบว่าปริมาณเช็คในระบบมีทั้งสิ้น 6.38 ล้านใบ สูงขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 12.16% มูลค่าเช็ครวม 3.2 ล้านล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน 9.84 หมื่นล้านบาท
  • การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรฟม.อนุมัติงบประมาณประจำปี 2558 ของ รฟม.จำนวนกว่า 1.12 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินการโครงการรถไฟฟ้า 3 เส้นทางและจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่พิจารณาอนุมัติต่อไป
  • บอร์ด ก.ล.ต.คลอดเกณฑ์ดึงบจ.ต่างชาติเข้าตลาดหุ้นไทยทั้งไพรมารี่ลิสติ้งและดูโอลิสติ้ง รุกดึง บจ.นอกเข้าตลาดปีนี้ หวังเป็นศูนย์กลางตลาดทุนในภูมิภาค พร้อมเซ็นความร่วมมือเกาหลี-ญี่ปุ่น ทำธุรกิจ นายหน้าขายกองทุน และ ธุรกิจบล. ระหว่างกัน เผยมีบริษัทต่างชาติขออนุญาตตั้ง บล.ในไทยแล้ว

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SYMC(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 17 บาท ศกำไรสุทธิใน 4Q56 ที่ 99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 130% QoQ และ 115% YoY ดีกว่าคาดมาก และส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 56 เพิ่มขึ้น 4% YoY มากกว่าที่ Consensus ประเมินว่าจะลดลงถึง 17% YoY ซึ่งเป็นผลจากการปรับนโยบายบัญชีอายุทรัพย์สินใหม่ ขณะที่เรามองว่าธุรกิจหลักมีความเสี่ยงปัจจัยการเมือง และเศรษฐกิจชะลอตัวจำกัด คาfปีนี้ EBITDA margin จะเพิ่มขึ้นเป็น 49.1% และเพิ่มขึ้นใน 3 ปีข้างหน้าเป็น 52.3% บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H56 ที่ 0.43 บาท/ หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่ 2.8%
  • HEMRAJ(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 3.70 บาท ประเมินจะประกาศกำไรสุทธิ 4Q56 ออกมาสูงที่สุดของปี 56 โดดเด่นที่สุดในกลุ่มหุ้นนิคมฯ ประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 2.67 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 328% QoQ และ 230% YoY มีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากการบันทึกกำไรจากการตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์(HPF)เข้ามา 1.4 พันล้านบาท ผลกระทบจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน HPF อาจส่งผลให้จ่ายเงินปันผลในงวด 2H56 และเงินปันผลพิเศษได้ราว 0.15 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield สูงถึง 5%
  • JAS(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 9 บาท คาดว่าราคาหุ้นจะเคลื่อนไหว Outperform ตลาดช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ปัจจัยบวกรออยู่คือการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่คาดว่าจะมีความคืบหน้าใน 2Q57 ส่งผลให้ NVDR ซื้อสะสมหุ้นอย่างต่อเนื่อง รวม 5 วันทำการในสัปดาห์ที่ผ่านมารวม 427 ล้านบาท และซื้อสุทธิสูงสุดเป็นอันดับ 6 ในวันศุกร์ที่ผ่านมา 69.4 ล้านบาท และเชื่อมีโอกาสจ่ายเงินปันผลพิเศษหลังเสร็จสิ้นการจัดตั้งกองทุนหุ้นละ 1.00 บาท นผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 12.9%
  • KCE(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 31 บาท กำไร 4Q13 ดีกว่าที่คาดถึง 29% เป็น 455 ล้านบาท เพราะมีกำไรจากรายการพิเศษทั้งเรื่องค่าชดเชยประกันภัยและกำไรอัตราแลกเปลี่ยน แต่เฉพาะกำไรหลักออกมาสอดคล้องกับประมาณการก่อนหน้าคือเติบโตถึง 1660% y-o-y อัตรากำไรขั้นต้นยังแข็งแกร่งถือเป็นระดับสูงสุดที่ 29% แม้ว่าเป็นฤดูกาลที่อ่อน เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูง กำลังผลิตใหม่จะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ 4Q14 อีก 7 แสนตรฟ.ต่อเดือน แนวโน้มธุรกิจแผ่นพิมพ์วงจร (PCB) ปีนี้ยังคงสดใส โดยอุปสงค์ในสินค้าเพิ่มขึ้นตามความนิยมของการใช้เครื่องมืออิเลกโทรนิกส์ รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สำหรับการใช้กำลังการผลิตก็ยังคงอยู่ในระดับสูง และโรงงานในกลุ่มมีการใช้กำลังการผลิตใกล้เต็มที่ ทำให้มี Economy of scale

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ