นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ในกรอบจำกัด เนื่องจากปัจจัยจากภายนอกประเทศเป็นบวก โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดสหรัฐฯที่เมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างมาก ภายหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของยุโรปออกมาดี และทางสเปนก็ได้รับการจัดเรทติ้งที่ดีขึ้นด้วย ทำให้เห็นได้ว่าเศรษฐกิจของยุโรปเวลานี้เป็นบวก
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็ยังอ่อนค่าอยู่ด้วย ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็ยังคงปรับตัวขึ้นได้ดีอยู่ เพียงแต่ปัจจัยในประเทศจะยังเป็นตัวกดดัน จากความเสี่ยงทางการเมืองที่มีมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ยังต้องรอดูการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงการจ่ายปันผลด้วย และรอดูกระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลขส่งออก-นำเข้าจะเป็นอย่างไรบ้าง
พร้อมให้แนวรับ 1,292-1,288 จุด ส่วนแนวต้าน 1,308-1,315 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(24 ก.พ.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,207.14 จุด เพิ่มขึ้น 103.84 จุด (+0.64%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,847.61 จุด เพิ่มขึ้น 11.36 จุด (+0.62%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,292.97 จุด เพิ่มขึ้น 29.56 จุด(+0.69%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 164.83 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.59 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 109.86 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 20.53 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 9.25 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 10.46 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 0.67 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.30 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(24 ก.พ.)ที่ 1,301.38 จุด ลดลง 2.83 จุด(-0.22%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 212.41 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ก.พ.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้(24 ก.พ.)ที่ 102.82 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 62 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(24 ก.พ.)ที่ 6.37 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.81/83 แนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์อ่อนค่า
- เอกชนเผยส่งออกไตรมาสแรก ยังขยายตัวได้ การเมืองยังไม่กระทบ เนื่องจากคำสั่งซื้อค้างจากปีที่แล้ว หวั่นการเมืองยืดเยื้อและรุนแรง กระทบไตรมาส 2-3
- วิกฤติการเมืองลากยาว ฉุดการลงทุน อสังหาฯ ไตรมาสแรกชะงัก บ้าน-คอนโด เปิดใหม่ลดฮวบ ยอดขายใหม่หด 30-50% ผู้ประกอบการยึดโมเดลธุรกิจ "ยืดหยุ่น" รอโอกาสการเมืองจบ-กำลังซื้อฟื้น ขยับแผนลุยเปิดโครงการ
- พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า จะมีการออกใบอนุญาต 24 ช่องทีวีดิจิตอล และการออกอากาศทีวีดิจิตอลอย่างเป็นทางการในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ หรือในอีก 90 วันหลังจากปิดรับการยื่นเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาให้ใบอนุญาตแก่ผู้ประกอบการในวันที่ 26 ก.พ.นี้
- สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)เผยรายงานภาวะสังคมไทยปี 2556 พบว่าไตรมาส 4 สินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคลมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) 71,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.6% และที่ผิดนัดชำระหนี้เกิน 3 เดือนขึ้นไปเพิ่มขึ้นสูงถึง 45.8% หรือมีมูลค่า 10,920 ล้านบาท ขณะที่ยอดค้างชำระบัตรเครดิตเกิน 3 เดือนขึ้นไปมี 6,638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.3% สะท้อนให้เห็นความสามารถในการชำระหนี้ครัวเรือนลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวลดลง
นอกจากนี้ ยังเปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาส 4 ของปี 2556 และแนวโน้มปี 2557 ว่า อัตราการจ้างงานในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงถึง 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราการว่างงานนั้นแม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.65% แต่เป็นที่น่าจับตาว่าเป็นการว่างงานของผู้ที่ไม่เคยทำงานมาก่อนถึง 1.146 แสนคน หรือคิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 87.1%
*หุ้นเด่นวันนี้
- GUNKUL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 19 บาท กำไรดีกว่าคาดกว่าเท่าตัว จากรายได้จากงานรับเหมาและรายได้จากโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่เข้ามามาก ขณะที่ต้นทุนงานรับเหมาปรับตัวลง ทำให้กำไรสุทธิใน 4Q13 เพิ่มถึง 146% Q-Q และ 34% Y-Y เรายังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้โต 385% จากฐานต่ำปีก่อน แต่กำไรสุทธิจะลดลง 38% เพราะปีก่อนมีกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์
- SAMART(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 27.40 บาท ณ จุดต่ำสุดวานนี้ที่ 15.30 บาทราคาหุ้นของ SAMART ปรับตัวลงมาถึง 8% ในระยะ 1 สัปดาห์ ซึ่งมองราคาหุ้นสะท้อนการประเมินแนวโน้มของกำไรใน 4Q56 ที่ในเบื้องต้นประเมินจะอ่อนลง QoQ ไปแล้ว ขณะที่โอกาสที่บริษัทจะประกาศกำไรใน 4Q56 ออกมาดีกว่าที่คาด(ประกาศบ่ายพรุ่งนี้) และกำไรสุทธิในปี 2557 ที่ประเมินว่าจะเพิ่มขึ้น 20% YoY ถือเป็น Upside ของราคาหุ้นในระยะสั้นได้ ขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ระดับ P/BV ที่ 1.9 เท่านั้น เทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 6.4 เท่าของกลุ่มสื่อสาร
- JAS(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 11.20 บาท นอกจากกำไรสุทธิในปี 2557 ที่ประเมินจะเพิ่มขึ้น 10% YoY (ไม่รวมกองทุน IFF) แล้ว เรามองราคาหุ้น JAS มีปัจจัยหนุนที่สำคัญรออยู่จากประเด็นการตั้งกองทุน IFF มูลค่า 6-7 หมื่นล้านบาทที่รอ กลต.อนุมัติ ซึ่งคาดว่าอาจจะได้เห็นความชัดเจนเร็วที่สุดภายใน มี.ค.-เม.ย.2557 ทั้งนี้กรณีที่การตั้งกองทุน IFF ประสบความสำเร็จเราประเมินว่าบริษัทจะได้รับเงินจากการขายทรัพย์สินเข้าหลังหักภาษีและค่าใช้จ่ายราว 2.5-3.0 หมื่นล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเพิ่มต่อหุ้น 0.90 บาท ซึ่งยังไม่ได้รวมในประมาณการปี 2557
- TUF(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 84 บาท กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 4Q13 โตก้าวกระโดด 63%YoY เป็น 999 ล้านบาท หนุนโดยธุรกิจกุ้งที่พลิกกลับเป็นกำไร, อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 14.8% ใน 4Q13 จาก 11.6% ใน 4Q12 เพราะต้นทุนทูน่าลดลง การผลิตทูน่า OEM เพิ่มขึ้นทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผนวกกับมาร์จิ้นของธุรกิจกุ้งดีขึ้น และบาทอ่อนช่วยหนุนรายได้ &กำไร หากเทียบกับ 3Q13 พบว่ากำไรทรงตัว ซึ่งถือว่าแข็งแกร่ง เพราะโดยปกติแล้ว 4Q จะมีกำไรที่อ่อนลงตามปัจจัยฤดูกาล ส่วนแนวโน้มปี 1Q14 ยังแกร่ง พร้อมคาด Core Profit ปี 2014 จะขยายตัวแกร่ง 70% เป็น 5.0 พันล้านบาท บริษัทประกาศจ่ายปันผลสำหรับ 2H13 เท่ากับ 0.89 บาท กำหนด XD 6 มี.ค.2014