SCBS เปิดหน่วยธุรกิจใหม่รุกธุรกิจหลักทรัพย์ตปท. เป้ารายได้ปีแรก 5-10 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 25, 2014 14:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีรเวท วงษ์กิจบัญชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจหลักทรัพย์ต่างประเทศ บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) กล่าวว่า บล.ได้เปิดหน่วยงานธุรกิจใหม่"ฝ่ายธุรกิจหลักทรัพย์ต่างประเทศ"ตั้งแต่ปลายปี 56 รองรับกลุ่มนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน พบว่า ณ กลางก.พ.57 มีลูกค้าเปิดบัญชีแล้ว 60-70 บัญชี เฉพาะเดือนก.พ.เปิดแล้ว 30 บัญชี โดยตั้งเป้าสิ้นปีจะมีบัญชีเพิ่มเป็น 250-300 บัญชี

สำหรับรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ต่างประเทศปีนี้ตั้งเป้าราว 5-10 ล้านบาท ถือว่าน้อยเพราะเป็นปีแรก โดยตั้งเป้ามีมูลค่าซื้อขาย 100-200 ล้านบาท/เดือน จากปัจจุบัน(สิ้น 15 ก.พ.) เกิน 10 ล้านบาท เทียบกับธ.ค.56 ที่เพิ่งเปิดมีเพียง 1 ล้านบาทต่อเดือน โดยบัญชีลูกค้า 60-70 บัญชี แอคทีฟ 25% โดยตั้งเป้าใน 3 ปี มาร์เก็ตแชร์ติด TOP3

"ช่วงสั้นเน้นเปิดตัวโปรดักส์ ส่วนเป้าสัดส่วนรายได้ก็เป็นโอกาสในระยะต่อไป โดยปีนี้ตั้งเป้า 5-10 ล้านบาท ไม่เยอะ เพราะปีแรกของการลงทุน โดยใน 3 ปี ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ติด TOP3 ส่วนปีนี้ยังเทียบไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันโบรกฯที่ทำอยู่มี บล.เอเชีย,ธนชาต,ภัทร,เมย์แบงก์กิมเอ็ง,เคทีซีมิโก้,โนมูระ แต่เราก็มั่นใจเพราะได้ SCB เป็นฐานลูกค้า"

ประเทศที่น่าสนใจลงทุนและให้ผลตอบแทนจากการลงทุนดีที่สุดคือตลาดยุโรป ซึ่งปี 56 ให้รีเทิร์นถึง 17-20% ปีนี้ก็น่าจะเป็นตัวเลข 2 หลักได้ รองลงมา อเมริกา เอเชีย ก็ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ญุ่ปุน โดยหุ้นที่น่าสนใจลงทุน เช่น กลุ่มออโตโมบิล คอมมูนิตี้ลิงค์ เทคโนโลยี คาสิโน แบรนด์เนม

ปัจจัยที่จะผลักดันให้วอลุ่มไปที่ 100-200 ล้านบาท/เดือนได้ คือระบบอินเตอร์เน็ตเทรดดิ้งที่ตอบโจทย์ลูกค้าช่วงกลางคืน การอบรมมาร์เก็ตติ้ง ส่วนปัจจัยการเมืองในแง่หลักทรัพย์ต่างประเทศทำให้ลูกค้าสนใจหลักทรัพย์ต่างประเทศมากขึ้น ส่วนเรื่องภาษีในตลาดเอเชียถ้าซื้อขายแล้วเอาเงินกลับมาเลย Capital Gain ไม่คิดภาษี แต่ถ้าเป็นปันผลคิดภาษี ส่วน Global (ไม่ใช่เอเชีย) ถ้าถือข้ามปีหรือขายแล้วถือข้ามปียังไม่เอาเงินกลับมาไม่เสียภาษี ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศก็จะเหมาะกับระยะยาว

โดยในไตรมาส 1 นี้ บล.จะเน้นเชิงรุกเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเน็ตเวิร์คโดยไปร่วมกับธนาคารแม่ไปคุยกะลูกค้าที่จะมีข้อมูลเบื้องต้นการลงทุนต่างประเทศเจาะกลุ่มไฮเน็ตเวร์ตอย่างจริงจัง โดยลูกค้าไฮเน็ตเวิร์คมีวงเงินตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป

"ตลาดที่จะสร้างรีเทิร์นดีที่สุด คือ ยุโรปปี 56 รีทิร์น 17-20% ปีนี้ก็น่าจะ Double Digit อยู่ ส่วนอเมริกาช่วงหลังตัวเลขเศรษฐกิจไม่แข็งแรง ประกอบกับราคาปรับขึ้นเยอะแล้ว แต่อเมริกาก็ยังมีโอกาสไปต่อได้ ฮ่องกง เหมาะกับการเทรดระหว่างวันเพราะเวลาใกล้เคียงไทย ซื้อขายมีโอกาสทำกำไรระหว่างวันได้"นายวีรเวท กล่าว

ทั้งนี้ เบื้องต้นเปิดให้บริการครอบคลุม 13 ตลาดชั้นนำทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมัน สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย แคนาดา ฮ่องกง เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ