ทั้งนี้ ในปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ในส่วนของธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัยและเพื่อการพาณิชย์ให้เพิ่มขึ้นกว่าธุรกิจบริหารสินทรัพย์ รวมถึงบริษัทฯเตรียมรับบริหารการขายคอนโดเพิ่มอีกจำนวน 6 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ขนาด 1,800 ยูนิต จากปีก่อนมีอยู่ 7 โครงการ คาดว่าจะปิดการขายคอนโดฯ ได้ราว 3,800 ล้านบาท ซึ่งจะรุกตลาดคอนโดฯ Resale กลางเมืองตามแนวรถไฟฟ้า เนื่องจากได้รับความตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 95%
ทั้งนี้บริษัทฯได้วางเป้าหมายในการดำเนินงานใน 2 ธุรกิจหลักโดยธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (ตัวแทนซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาริมทรัพย์ และบริหารงานขายโครงการ) จะมุ่งเน้นการขายไปที่คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่ หรือ Resale เนื่องจากผู้ประกอบการชะลอการเปิดโครงการ ส่งผลให้ความต้องการขายมีน้อย รวมถึงซัพพลายเดิมจากโครงการที่ลูกค้าซื้อไว้ลงทุนยังพอมีอยู่ในตลาด จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ซึ่งจะมีราคาถูกกว่าโครงการเปิดใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างราว 30%
ส่วนการบริหารงานขายจะพิจารณารับบริหารโครงการให้ผู้ประกอบการที่มีฐานะการเงินมั่นคง มีประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และพัฒนาโครงการที่สอดคล้องกับผลของการวิจัยของตลาด ขณะที่ธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอาศัยและเพื่อการพาณิชย์ บริษัทฯพร้อมที่จะขยายการให้บริการกับโครงการใหม่ๆ โดยมีการพัฒนาบุคลากรภายในอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 58
"ปีนี้จะเน้นการบริหารอาคารมากขึ้น รายได้คงไม่เติบโตเหมือนเดิมน่าจะคงที่ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยจะเพิ่มสัดส่วนรายได้มาฝั่งบริหารอาคารมากขึ้น และเตรียมเปิดเพิ่มอีก 6 โครงการ จากปีก่อนมี 7 โครงการ มูลค่ารวมทั้งหมดจะอยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท"
นายภูมิภักดิ์ กล่าวว่า ภาวะการขายในกรุงเทพฯได้รับผลกระทบจากการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ที่ส่งผลให้ลูกค้ามีการชะลอการตัดสินใจออกไป ขณะเดียวกันก็ยังมองว่าการเมืองน่าจะคลี่คลายไปได้ จะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมามีสัญญาณบวก โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมกลางเมืองตามแนวรถไฟฟ้า บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์บริเวณชานเมืองที่มีพื้นที่ติดถนนใหญ่ซึ่งมีแนวโน้มราคาจะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลง ถือเป็นปัจจัยที่ดีต่อภาคธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตามในช่วงสถานการณ์แบบนี้ก็ยังมีผู้ที่สนใจอยู่บ้าง โดยจะเน้นเพื่อการอยู่อาศัยกับการลงทุน
นอกจากนี้มองว่าแนวโน้มตลาดเช่าปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยผู้ที่สนใจส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ 90% ที่เข้ามาท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นซึ่งเป็นผู้ที่เคยมาพักอาศัยแล้วและกลับมาอีกรอบ อื่นๆจะเป็นกลุ่มผู้ที่เป็นวัยเกษียณ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความต้องการที่พักตามต่างจังหวัด เช่น หัวหิน
ส่วนคอนโดมิเนียมปีนี้ยังคงแนวโน้มที่ดีในการลงทุน ซึ่งโลเคชั่นที่น่าสนใจคือใกล้จุดสถานีรถไฟฟ้า ขณะที่ปัจจุบันยังไม่เห็นการเก็งกำไรในส่วนของคอนโดมิเนียม สำหรับคอนโดมิเนียมในเมืองท่องเที่ยวค่อนข้างได้รับความน่าสนใจจากลูกค้าชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก มองว่าตลาดดังกล่าวยังคงคึกคักต่อเนื่องจากช่วงฤดูหนาว อย่างในจ.หัวหิน และพัทยา