นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ OISHI กล่าวว่า ปีนี้ (57) คาดรายได้รวม 15,000 ล้านบาท เติบโต 23% และตามแผน 5 ปี (57-61) บริษัทจะมีรายได้รวมแตะ 3 หมื่นล้านบาท โดยมาจากธุรกิจเครื่องดื่ม 17,000 ล้านบาท ธุรกิจอาหาร 13,000 ล้านบาท เพราะเชื่อมั่นในทีมงาน กลยุทธ์การตลาดชัดเจน มีการส่งเสริมการขายสอดคล้องกับความต้องการผู้บริโภค
ในปีนี้ (57) ตั้งงบการลงทุนรวมทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิต ขยายสาขา แบ่งเป็นขยายกำลังการผลิต 1,100 ล้านบาท แวร์เฮ้าส์ 200 ล้านบาท ขยายสาขาอาหาร 600 ล้านบาท และอื่นๆ 100 ล้านบาท
"ปีก่อนรายได้จากต่างประเทศไม่ถึง 10% ปีนี้น่าจะเติบโตมากกว่า 10% เพราะเขมร ลาว มีสินค้าเราจัดจำหน่ายอยู่และเป็นที่นิยมอันดับ 1 ในมาเลย์ปีนี้ก็จะใช้ศักยภาพของบริษัทในเครืออย่าง F&N ที่แข็งแกร่งเป็นช่องทางกระจายสินค้าในมาเลย์เพิ่มขึ้น ซึ่งเริ่มตั้งแต่ก.ค.56 และพม่าก็เห็นลู่ทางแล้วมีตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้ว"นายมารุต กล่าว
นายมารุต กล่าวว่า ปี 56 ที่กำไรต่ำกว่าปี 55 เพราะการแข่งขันที่สูง สภาวะเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอ แต่ปีนี้เราตั้งเป้ารายได้สูงเพราะปี 56 เป็นปีแห่งการเรียนรู้ มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการแข่งขัน สภาวะเศรษฐกิจ พอปี 57 เรามีความพร้อมทั้งการแข่งขัน ภาวะเศรษฐกิจ ที่สำคัญมีบริษัทในเครือที่แข็งแกร่งก็เชื่อว่าผลการดำเนินงานจะดีกว่าปีก่อน
ด้านนายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร กล่าวว่า ธุรกิจอาหารปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 7,700 ล้านบาท จากการขยายสาขาต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเพิ่ม 50 สาขา ภายใต้งบลงทุน 600 ล้านบาท ทั้งนี้จะมีการขยายสาขาต่างประเทศที่พม่าก่อนช่วงไตรมาส 2/57 จำนวน 2 สาขา ที่ย่างกุ้งและมัณฑะเลย์
พร้อมกันนี้ ตั้งเป้าปี 59 จะมีสาขาต่างประเทศ 10 สาขา แบรนด์หลักที่จะไปเป็น"ชาบูชิ"ก่อน ถัดไปอาจพิจารณา"นิคูยะ"เป็นไปได้ เพราะปิ้งย่างประเทศเพื่อนบ้านนิยม ขณะที่สาขาในประเทศจะเป็น 260-270 สาขา
"ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารเพิ่มเป็น 49% เครื่องดื่ม 51% แต่ในอนาคตอยากให้มีสัดส่วน 50:50 ทั้งนี้ ยอมรับกำลังซื้อในครึ่งแรกไม่น่าจะดีจากภาวะเศรษฐกิจ การเมืองเป็นหลัก" นายไพศาล กล่าว
น.ส.เจษฎากร ธราธิป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม OISHI กล่าวว่า ได้ตั้งงบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท จัดโปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่ซัมเมอร์ ซึ่งเป็นช่วงฤดูขายที่สำคัญ เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโต และขยายตลาดต่างประเทศ เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรป และประเทศในกลุ่ม AEC โดยเฉพาะมาเลเซีย พม่าที่มีตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้ว