นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP คาดปี 57 มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มี 9,348 ล้านบาท โดยคาด EBITDA มาจากธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 พันลบ.จากปีก่อนทำได้ 1,396 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นปีนี้ลดลงมาที่ประมาณ 5.5 พันล้านบาท จากปีก่อน 6,568 ล้านบาท ธุรกิจการตลาดคาดปีนี้ใกล้ 2 พันล้านบาท สูงกว่าปีก่อนมี 1,383 ล้านบาท และธุรกิจไบโอดีเซลอยู่ที่ 300 ล้านบาท
นายวิเชียร กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมาย EBITDA ในปี 2563 มากกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตกว่า 1.5 เท่าของเป้าหมายปีนี้ โดยธุรกิจโรงกลั่นคาดจะมี EBITDA ราว 7.5 พันล้านบาท ธุรกิจการตลาดน้ำมันค้าปลีก คาดปรับขึ้นไปเป็น 4 พันล้านบาท ธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม 2.7 พันล้านบาท จาก 3 เฟสเดินเครื่องเต็มปี และยังไม่รวมโครงการใหม่ และธุรกิจไบโอดีเซล เพิ่มขึ้นเป็น 500-600 ล้านบาทหรืออาจจะถึง 1,000 ล้านบาท
พร้อมตั้งงบลงทุนปีนี้ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยกว่า 5 พันล้านบาทใช้ในธุรกิจใหม่ ซึ่งจะต้องให้อัตราผลตอบแทนมากกว่า 15% นอกจากนี้ลงทุนขยายสถานีบริการน้ำมันอีก 70 แห่ง รวมเป็น 1,130 แห่ง และปรับปรุงสถานีเดิม 100 แห่ง ใช้เงินลงุทนรวม 1.2 พันล้านบาท รวมทั้งลงทุนโซลาร์ฟาร์ม 3.4 พันล้านบาท และโครงการส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงานและสิ่งแวดล้อม (3 E)ด้วย
และเตรียมจะออกหุ้นกู้ในไตรมาส 2/57 วงเงินประมาณ 5-8 พันล้านบาท อายุ 3, 5, 7 ปี เพื่อใช้ลงทุนในโครงการใหม่และเสริมสภาพคล่อง
นอกจากนี้ตั้งเป้าจะขยายร้านสะดวกซื้อ บิ๊กซีมินิ ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก เพิ่มเป็น 150 แห่ง จากปี 56 มี 62 แห่ง และเพิ่มร้านกาแฟอินทนิลเป็น 400 แห่งภายในสิ้นปีนี้ พร้อมจับมือพันธมิตรธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่และเพิ่มรายได้จาก non-oil
"ทุกปีต้องใช้เงินลงทุนอย่างน้อย 5 พันล้านบาท ลงทุนธุรกิจใหม่ไปเรื่อยๆ เพราะคณะกรรมการบริษัทได้ตั้งเป้า EBITDA ท้าทายมาก ในปี 2020 (ปี 63) มากกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท มากกว่าเป้าหมายปีนี้ 1.5 เท่า สิ่งที่เราให้ความสำคัญคือการลงทุนธุรกิจที่ทำอยู่แล้ว เพิ่มเติมเข้ามาทำให้กิจการบางจากยั่งยืน..ธุรกิจใหม่เราใช้วิธีการหาพันธมิตรเข้าสุ่ธุรกิจที่เราไม่มีความเชี่ยวชาญ" นายวิเชียร กล่าว
ทั้งนี้ ธุรุกิจโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น นายวิเชียร กล่าวว่า บริษัทจะเข้าร่วมทุนกัน 3 ฝ่าย โดยมีฝ่ายญี่ปุ่นที่จะเข้าช่วยดูแลโครงการ โดยคาดว่าจะเข้าถือหุ้น 25-40% การเข้าร่วมทุนในญี่ปุ่นจะทำให้บริษัทเรียนรู้การทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ
นอกจากนี้ ธุรกิจในกลุ่มพลังงานบริษัทก็ยังคงสนใจลงทุนต่อเนื่อง แต่จะไม่มาเริ่มลงทุนเอง ได้แก่ โรงกลั่นที่จะเข้าลงทุนเป็นโรงกลั่นที่เดินเครื่องการผลิตอยู่แล้ว จะไม่ลงทุนใหม่
นายวิเชียร กล่าวว่า เราต้องการจะขยับอันดับใน SET50 เพราะเราไม่อยากอยู่ปลายๆ SET50 เราก็ต้องขยายมาร์เก็ตแคปฯ อย่างน้อยเราน่าจะอยู่ใน TOP20 ดังนั้นเราจึงต้องหาพันธมิตรเพื่อให้ธุรกิจ BCP ขยายตัวได้ไกลและไปได้เร็ว