นายประพล มิลินทจินดา ประธานกรรมการบริหาร AEC กล่าวว่า บริษัทจะมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นโบรกเกอร์ขนาดใหญ่ติด 1 ใน 5 ของไทยภายในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งในปีนี้จะมีมาร์เก็ตแชร์ให้ได้ 2-3% เพื่อก้าวสู่ Top 10 ก่อน
ทั้งนี้ บริษัทจะขยายสาขาในประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ หาดใหญ่ นครศรีธรรมราช ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในปีนี้จะมีสาขาเพิ่มอีกราว 9 สาขา จากที่คาดว่า ณ สิ้นไตรมาส 1/57 จะมี 9 สาขา พร้อมทั้งเพิ่มบุคลากรเพื่อรองรับการให้บริการกับลูกค้าที่จะเน้นงานด้านวาณิชธนกิจ(IB)โดยเฉพาะการเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจในระดับท้องถิ่น
"Model สาขาทุกแห่งจะให้บริการเหมือนกัน ไม่ใช่เพียง Brokerage ที่เรามองเป็นรายได้เสริม เมื่อเปิดสาขาแล้วทีมงานจะได้รับการอบรมเพื่อให้คำแนะนำด้านธุรกิจ และการลงทุนให้กับลูกค้าด้วย...เราจะเป็น Fixed selling agent ด้วย ซึ่งหลายโบรกฯ ไม่เคยทำ ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีเดียวลงทุนได้ทุก บลจ.เป็นตัวสร้างพอร์ตให้ลูกค้าที่ต้องการจัดพอร์ตการลงทุนในทุกเครื่องมือการลงทุน"นายประพล กล่าว
นายประพล กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีแนวคิดที่จะเสนอให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ(ตลท.)ให้จัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ Mini MAI เพื่อเพิ่มช่องทางการระดมทุนให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SME) ที่มีขนาดทุนจดทะเบียนในระดับ 10-20 ล้านบาท เพื่อให้ตลาดฯมีผู้เล่นมากและมีสินค้ามากขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทยังเตรียมความพร้อมบุกตลาดต่างประเทศ ซึ่งเบื้องต้นวางแผนรุกสู่กัมพูชา ลาว มาเลเซีย พม่า และเวียดนาม จากนั้นจะขยายให้ครอบคลุมอาเซียน เพื่อเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจในทุกระดับตั้งแต่ระดับภูมิภาคลงไปจนถึงระดับรากหญ้าในแต่ละท้องถิ่น ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรและใช้เครือข่ายงาน IB ในลักษณะ outsource คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 3 เดือนข้างหน้า โดยขณะนี้มีทุนขนาดใหญ่ ทั้งจากยุโรปผ่านมาทางโปรตุเกส จีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่สนใจจะลงทุนในหลายด้าน ได้แก่ ปิโตรเคมี พลังงาน อาหาร และท่องเที่ยว ในภูมิภาคอาเซียน
ก่อนหน้านี้ บริษัทสามารถดึง 2 บริษัทชั้นนำของประเทศมาเจรจาร่วมทุนในโครงการพลังงานลมที่ยาวที่สุดในเอเชียอาคเนย์กว่า 60 กิโลเมตร มูลค่าลงทุนประมาณ 9 พันล้านบาท นอกจากนั้นยังมีงานที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(IPO) 4 รายในมือ คาดว่าจะนำเข้าตลาดฯได้อย่างน้อย 2 ราย มูลค่าประมาณ 2 พันล้านบาทในอุตสาหกรรมก่อสร้างและอาหาร รวมทั้งมีงานที่ปรึกษาการตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT) 2-3 โครงการ ขนาดระดมทุนรวมประมาณ 25,000 ล้านบาท
"เราจะมีพันธมิตรทางธุรกิจมาก เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนได้มาก เป็นบริการด้าน Business Development ที่ไม่ค่อยมีใครเน้น"นายประพล กล่าว
ด้านนายกอบเกียรติ บุญธีรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AEC กล่าวว่า บริษัทจะมุ่งเพิ่มบุคลากรเพื่อรองรับการขยายงานตามเป้าหมายทางธุรกิจ จากที่จะมีเจ้าหน้าที่การตลาดเข้ามาดูแลรายย่อยราว 140 คน และดูแลลูกค้าสถาบัน 2-3 คน รวมทั้งทีมเจ้าหน้าที่วิเคราะห์หลักทรัพย์ 8-9 คน ส่วนทีม IB มี 7 คน ก็จะมีการเพิ่มอีก 1 ทีม ซึ่งจะเป็น jigsaw ในการสร้างรายได้และเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ ขณะที่บริษัทมีพอร์ต Prop. trade ที่ 200 ล้านบาท
สำหรับกระแสข่าวที่บริษัทถูกต่อต้านจากวงการโบรกเกอร์นั้น นายกอบเกียรติ กล่าวว่า การรับพนักงานทั้งหมดเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ และได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจแล้ว ซึ่งการที่บุคลากรตัดสินใจย้ายงานมาที่ให้ข้อเสนอที่ดีกว่าที่เดิมถือเป็นเรื่องปกติ และเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่บุคลากรในวงการโบรกเกอร์ที่มีมากถึง 5 พันคน ย้ายมาทำงานกับเราเพียง 100 คนก็ถือว่าเป็นสัดส่วนไม่มาก
ขณะที่นายประพล กล่าวว่า "การป้องกันคนใหม่เข้าสู่ตลาดเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ถึงเรือจับปลามี 48 ลำก็ล่าไม่พอหรอก...เป็นธรรมดาเมื่อมีห้างใหม่มาเปิด ห้างเก่าก็ต้องปรับปรุง เป็นเรื่องการแข่งขันที่เป็นธรรม และยืนยันว่าเรามี CG"
ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าบริษัทจะเปิดตัวคณะกรรมการชุดสำคัญอีก 2 ชุดที่จะเข้ามาดูแลเรื่อง CG และการสรรหา