ทั้งนี้ ในงวด 9 เดือนที่ผ่านมา(เม.ย.-ธ.ค.56) มียอดขายแล้ว 9.58 หมื่นตัน สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 8.63 แสนตัน ดังนั้นในไตรมาส 4/57 (ม.ค.-มี.ค.)มียอดขายมากกว่า 3 แสนตัน และมีกำไรสุทธิ 4ล้านบาทจากปีก่อนขาดทุน 991 ล้านบาท
"เราพยายามอย่างยิ่งจะทำกำไร แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหนก็เห็นว่าเป็นเรื่องท้าทายมาก"นายมังกัล กล่าว พร้อมยอมรับว่าสถานการณ์การเมืองที่วุ่นวายเช่นปัจจุบันส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ และการชะลอการลงทุโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ 2 ล้านล้านบาท ทำให้ความต้องการตลาดชะลอไป รวมทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศก็ไม่ดีนัก
นอกจากนี้ มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD)เหล็กลวดคาร์บอนนำเข้าจากจีนได้หมดอายุไปเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.56ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้บริษัทได้ร่วมทำงานกับกระรวงพาณิชย์ในการออกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดแบบถาวร ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับด้านเทคนิคกันอีกครั้ง แต่เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ จึงคาดว่ากระทรวงพาณิชย์จะสามารถออกมาตรการดังกล่าวได้ในราวเดือนมี.ค.นี้ โดยบริษัทเสนอให้ขึ้นภาษีนำเข้า 14-16% กับเหล็กลวดคาร์บอนจากจีน
ขณะที่รอมาตรการ AD บริษัทหันมาผลิตสินค้าไฮเอนด์มากขึ้น โดยปีนี้ไก้ขยายกำลังการผลิตเหล็กโครงสร้างขึ้นรูป หรือเหล็กตัดและดัดที่มีกำลังการผลิตอยู่ 3-3.5 พันตัน/เดือน ขยายอีกเท่าตัวเป็น 6-7 พันตัน/เดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จใน ก.ย.-ต.ค.57 รวมทั้งเพิ่มสินค้าเหล็กคุณภาพ เอส 50 ที่เพิ่มความเหนียวหรือความแข็งแรงของการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะผลิตตามความต้องการของลูกค้า แต่ยอดขายส่วนนี้ยังไม่มาก นอกจากนี้ บริษัทจะลดค่าใช้จ่ายการบริหาร และจัดซื้อเศษเหล็กที่มีราคาต่ำจะช่วยอีกทาง รวมทั้งปรับปรุงบริการให้เข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น