"รายได้ 2 เดือนที่ผ่านมาอ่อนตัวลงกว่าปีก่อน ทั้งปีก็ต้องมารอลุ้น หวังว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะจบลงได้ ซึ่งก็มองว่ามันน่าจะฟื้นตัวขึ้น โดยเรามีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 11-12% มาร์จิ้นเราก็ดูดีมาตลอด ซึ่งเราก็ครองการเป็นโบรกเกอร์อันดับ 1 มาตลอด 12-13 ปี"นายมนตรี กล่าว
นายมนตรี กล่าวว่า ครึ่งปีแรกภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์คงยังไม่ค่อยดีมากนัก จากปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเศรษฐกิจของไทยชะลอตัวลง เห็นได้จากการบริโภคที่อ่อนตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อน โดยเฉพาะจากปัญหาหนี้ครัวเรือนขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 80-90% ของ GDP รวมถึงด้านภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ชะลอตัว และภาคสินค้าเกษตรยังต้องเผชิญกับภาวะการส่งออกที่อ่อนตัวลงไปพอสมควร ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐมีปัญหาในเรื่องของสภาพคล่องที่ยังไม่สามารถอนุมัติงบประมาณต่างๆออกมาได้ มีการค้างจ่ายเงินค่าจำนำข้าว ทำให้ส่งผลต่อเนื่องมายังการค้างจ่ายค่าจ้างผู้รับเหมาด้วย
รวมทั้งการที่สหรัฐประกาศว่าจะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE)ส่งผลให้ตลาดเงินมีความผันผวน และทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาอยู่ในช่วง 1,300-1,400 จุด
ทั้งนี้ ยังต้องติดตามดูในด้านของการลงทุนภาคเอกชนว่าระดับความเชื่อมั่นจะลดลงไปอีกหรือไม่ และปัจจัยทางการเมืองที่จะจบลงได้โดยเร็วๆนี้หรือไม่ โดยมองว่านักลงทุนยังคงไม่มีความแน่ใจ ซึ่งอยู่ในช่วงของการรอดูสถานการณ์ ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวขึ้น และตลาดหุ้นดาวน์โจนปรับตัวสูงขึ้นไปมาก สวนทางกับตลาดหุ้นไทยที่แม้จะขยับตัวขึ้นได้แต่ก็เป็นไปในระดับที่ช้ากว่าประเทศอื่นๆ ด้วยปัจจัยในประเทศกดดัน ส่วนอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้
ทั้งนี้ MBKET คาดการณ์มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ 40,000 ล้านบาท/วัน ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์(SET Index)ในปีนี้จะปรับตัวขึ้นไปสูงสุดในระดับ 1,500 จุด และหากเหตุการณ์การเมืองไม่สามารถจบลงได้โดยเร็ว SET Index ก็มีโอกาสจะปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 1,220 จุดได้ จึงแนะนำนักลงทุนให้กระจายความเสี่ยงไปลงทุนในต่างประเทศ และเมื่อดัชนีปรับตัวลงให้เข้ากลับมาซื้อ แต่โดยรวมยังคงมองว่ากำลังซื้อของนักลงทุนยังคงดีอยู่
นายมนตรี กล่าวว่า แผนงานของ MBKET ในปีนี้อยู่ระหว่างการยื่นไฟลิ่งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT)ที่มีสินทรัพย์เป็นอาคารอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี และรอดูภาวะตลาด หากอยู่ในภาวะปกติก็จะเสนอขายหน่วยลงทุนทันที เบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงกลางปีนี้ ขณะเดียวกันในด้านงานที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป(IPO) จะมีบริษัททยอยเข้าตลาดหลักทรัพย์ราว 4-5 บริษัทตั้งแต่ไตรมาส 2/57