นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EFORL กล่าวว่า บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะสูงถึง 15-20% ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิปีนี้เติบโตหลายเท่าตัว เทียบกับปีก่อนที่มีกำไร 26 ล้านบาท โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวม 1,500-2,000 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ 170.77 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/57 คาดรายได้มากกว่า 200 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์
"รายได้ที่ 1,500-2,000 ล้านบาท มั่นใจว่าจะได้ เพราะดูจากงบลงทุนของกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานรัฐ งบโรงพยาบาลรัฐและเอกชน อีกทั้งโรงพยาบาลเอกชนขยายงาน อยู่ในแผนงานของแต่ละโรงพยาบาลจะมีเป้ารายได้ และถ้าดูจากสินค้าที่เรามีอยู่ก็น่าจะทำได้ เพราะในอดีตรายได้เราเคยเกิน 2,000 ล้านบาท อย่าง BGH ที่จะไปลงทุนพม่าและอาเซียน โรงพยาบาลเอกชนขยายตัวตลอดเวลา"นายธีรวุทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้จะมาจากธุรกิจใหม่ คือการจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 70% จากปัจจุบัน 60% ที่เหลือมาจากธุรกิจโฆษณา ซึ่งในส่วนของการจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์จะจำหน่ายให้กับโรงพยาบาลภาครัฐ 70% และโรงพยาบาลเอกชน 30% โดยไตรมาส 1/57 ยังมีงบภาครัฐของปีก่อนอยู่ อีกทั้งการเมืองไม่กระทบกับธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพราะเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตผู้คน
อุตสาหกรรมด้านสุขภาพประเทศไทย มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 4 แสนล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ร้อยละ 10 หรือประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่ง EFORL ตั้งเป้าหมายว่าในปี 57 จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ของธุรกิจอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ หรือคิดเป็น 2,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าสามารถเป็นไปได้
นายธีรวุทธิ์ กล่าวว่า กลยุทธ์ในปีนี้บริษัทจะเน้นการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์ โดยเฉพาะแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาด รวมถึงการบุกตลาดต่างประเทศเพื่อรองรับ AEC โดยเริ่มต้นที่เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพ จากนั้นค่อยขยายฐานไปสู่ประเทศอื่นๆต่อไป ขณะนี้บริษัทมีเงินสดในมือ 600 ล้านบาทเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อผลิตภัณฑ์มาจำหน่าย หรือหากจะลงทุนก็ลงทุนในธุรกิจที่สามารถให้ดอกผลทันทีก็จะมีรายได้กลับมาในเวลาอันสั้น
ส่วนธุรกิจสื่อปีนี้เป็นปีที่เก็บเกี่ยวรายได้ แต่จะยังไม่รุกเพิ่ม ซึ่งธุรกิจสื่อก็ไมได้ขาดทุน มี cash flow มีกำไร
สำหรับปี 56 บริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีรายได้รวม 170.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 96 มีกำไรสุทธิ 26.46 ล้านบาท จากปี 2555 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 65.43 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 140 และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่สามารถพลิกผลการดำเนินงานให้มีกำไรสุทธิได้ ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและน่าประทับใจอย่างมาก
ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นนั้น เป็นผลมาจากการที่บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจมาเน้นการนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ ควบคู่ไปกับธุรกิจให้บริการสื่อโฆษณาภายในอาคาร ผ่านสื่อดิจิตอล ซึ่งทำให้ผลประกอบการของ EFORL เริ่มมีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/56 เป็นต้นมา แม้จะรับรู้รายได้จากสเปซเมด (บริษัทลูกของ EFORL) ซึ่งทำธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์เพียง 10 วันเท่านั้น แต่ก็สามารถพลิกมีกำไรสุทธิได้ถึง 3.63 ล้านบาท และไตรมาส 4/56 มีการรับรู้รายได้อย่างเต็มที่ จึงผลักดันให้ผลการดำเนินงานทั้งปีพลิกมาเป็นบวกได้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EFORL กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/57 ได้มีมติอนุมัติเห็นชอบในแผนการลดทุนจดทะเบียนบริษัทและการลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้เพื่อล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ทั้งหมด 204.46 ล้านบาท และจะมีการจ่ายเงินปันผลภายในงวดปี 57 ซึ่งจะนำเข้าสู่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป