โดยสัดส่วนการชำระเงินทั่วไปแต่เดิมจะเน้นจ่ายผ่านเครดิตการ์ดเป็นหลัก แต่เพย์สบายได้ให้บริการที่หลากหลายช่องทางตามกระแสพฤติกรรมลูกค้า โดยปีที่ผ่านมาจะมีสัดส่วน ชำระผ่านเครดิตการ์ด 38%, ช่องทางเงินสด 32%, และอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง 30% เพย์สบายจะเพิ่มช่องทางและปรับบริการไปตามเทรนด์และสัดส่วน
เพย์สบายเป็นตัวแทนรับชำระเงินที่อยู่เบื้องหลังให้ร้านค้า SME เติบโต ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยให้บริการกับร้านค้าออนไลน์กว่า 10,000 แห่ง สร้างมูลค่าธุรกรรมให้ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของประเทศไทย เติบโตโดยมียอดการชำระเงินผ่านทางระบบของเพย์สบายมากกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีร้านค้าที่สมัครใช้บริการเพย์สบายเพิ่มขึ้นอีก 1,000 แห่ง และจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดส่วนนี้เติบโตขึ้นเป็น 10 %
ปัจจุบันมีผู้สมัครเปิดบัญชีเพย์สบายเพื่อใช้ในการรับ-ส่งเงินกว่า 500,000 ราย ในจำนวนนี้จะเป็นสัดส่วนฐานลูกค้าผู้ชาย 51% และผู้หญิง 49% โดยช่วงอายุ 21-30 ปี มีจำนวนมากที่สุดคือ 32%, รองลงมาคือช่วงอายุ 31-40 ปี มีจำนวน 28%, ช่วงอายุ 41-50 ปีมีจำนวน 16%, ช่วงอายุไม่เกิน 20 ปีมีจำนวน 13% และช่วงอายุ 51 ปีขึ้นไปมีจำนวน 11% ตามลำดับ
นายสมหวัง กล่าวต่อว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์“Internet for All ของดีแทคที่มีเป้าหมายต้องการให้คนไทยทั่วประเทศสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างเท่าเทียม เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันโดยรวมให้กับประเทศ ในปีนี้เพย์สบายจึงนำมาต่อยอดโดยปรับสู่ 3 กลยุทธ์หลักคือ 1. เพิ่มสินค้าและบริการใหม่ให้กับร้านค้าออนไลน์และผู้ใช้งานผ่านเพย์สบาย 2. เพิ่มช่องทางและขยายการตลาดการชำระเงินในออนไลน์ 3. เสริมสร้างระบบสู่ความแข็งแกร่งรองรับความปลอดภัยใช้งานในโลกออนไลน์ด้วยมาตรฐานระดับโลก โดยทั้งหมดนี้จะเริ่มดำเนินการแนะนำสู่ตลาดเพื่อกระตุ้นวงการอี-คอมเมิร์ซของประเทศไทยในราวไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป
กลยุทธ์บริการใหม่ที่จะแนะนำสู่ตลาดออนไลน์และวงการอี-คอมเมิร์ซในปีนี้ได้แก่ แคชการ์ด (Cash card) หรือบัตรเงินสดใช้จ่ายผ่านโลกออนไลน์, Virtual prepaid card ที่ช่วยทำให้ผู้มีบัญชีกับเพย์สบายสามารถช้อปปิ้งบนออนไลน์ได้กับทุกเว็บไซต์ผ่านเครือข่าย Visa, MasterCard, โมบายล์ เครดิตการ์ด (Mobile credit card) หรือการนำบัตรเครดิตเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นเพื่อใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการ, Payment On Delivery หรือ บริการ POD ที่จะให้ร้านค้าสามารถรับชำระเงินที่ปลายทางได้
สำหรับกลยุทธ์ช่องทางที่จะขยายในปีนี้จะรุกในส่วนที่ลูกค้าสามารถชำระเงินสดได้เพิ่มขึ้นที่เคาน์เตอร์ของผู้ให้บริการ อีกทั้งยังเพิ่มช่องทางการชำระเงินแบบผ่อนออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตกับทุกธนาคารในประเทศไทย พร้อมทั้งยังมี การชำระเงินจากต่างประเทศแบบใหม่ เช่น Alipay
นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์เสริมสร้างระบบสู่ความแข็งแกร่งรองรับความปลอดภัยใช้งานเพย์สบายจะเพิ่มระบบ PCI DSS เป็นมาตรฐานการเก็บรักษาข้อมูลบัตรเครดิต เพิ่มความปลอดภัยทางการเงินระดับโลกให้กับลูกค้าที่ทำการชำระเงินผ่านระบบเพย์สบาย ป้องกันการโจรกรรมในโลกออนไลน์ และ Tokenization เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลบัตรเครดิตลูกค้าในการชำระเงินให้สะดวก ปลอดภัยขึ้น โดยที่ลูกค้าทำการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตในครั้งแรก เมื่อระบบจดจำค่าไว้เรียบร้อยแล้ว ครั้งต่อไปลูกค้าจะไม่ต้องกรอกรายละเอียดบัตรเครดิต ก็สามารถชำระเงินได้ทันทีบนความปลอดภัยที่มั่นใจได้สูงสุด โดยได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการระดับโลก นอกจากนี้ คอลล์เซ็นเตอร์ของเพย์สบายจะเพิ่มการรองรับลูกค้าเป็น 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุดอีกด้วย
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 1 ทศวรรษที่ผ่านมาเพย์สบายเป็นเจ้าแรกในการให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) ในประเทศไทย และให้บริการระบบการชำระเงินออนไลน์ สามารถช่วยกระตุ้นวงการอี-คอมเมิร์ซของประเทศไทย พร้อมทั้งช่วยเร่งการเติบโตของการจับจ่ายใช้สอยบนโลกออนไลน์ สนองพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่หันมาช้อปปิ้งบนออนไลน์ได้สนุกอย่างปลอดภัย และช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจภายในประเทศสามารถเข้าถึงตลาดเป้าหมายใหม่ทั้งในประเทศและกลุ่มผู้ซื้อในต่างประเทศทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องทางการทำตลาดและฐานกำไรทางการค้าให้กับผู้ประกอบการได้มากขึ้น อีกทั้งหมดปัญหาเรื่องช่องทางการรับชำระเงินและความลำบากในการเชื่อมต่อระบบต่าง ๆ