สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 82,362 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 44,043 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 53.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 26,948 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 32.7% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,255 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB155A (รุ่นอายุ 5.3 ปี, 3.3 ปี และ 1.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 15,058 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT155A) มูลค่า 184.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC14OA) มูลค่า 154.5 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH163A) มูลค่า 132.8 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 471.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -8,880 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,587 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,159 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.22% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.23% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 2-4 bps. จากแรงซื้อของนักลงทุนบางส่วน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศ ตลาดยังคงจับตาสถานการณ์การเมืองในประเทศและถ้อยแถลงของประธาน Fed คืนนี้ ว่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินและมาตรการ QE อย่างไร สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 4,159 ล้านบาท