ขณะที่บริษัทยังมองหาซื้อโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเพิ่ม เพื่อทำรายได้มาสนับสนุนกระแสเงินสด ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะโรงไฟฟ้าถ่านหินเท่านั้น โดยบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มเป็น 35% ในปี 58 จากปี 56 อยู่ที่ 30%
นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน BANPU กล่าวว่า ปี 57 ตั้งเป้าปริมาณขายถ่านหิน 46 ล้านตันทั้งจากเหมืองและเทรดดิ้ง สูงกว่าปีก่อนที่ 42.8 ล้านตัน โดยแบ่งเป็นถ่านหินจากเหมืองอินโดนีเซีย 30.7 ล้านตัน ในจำนวนนี้เป็นการซื้อถ่านหินจากเหมืองอื่นมาผสมด้วยราว 1.8 ล้านตัน ส่วนอีก 15.3 ล้านตันเป็นถ่านหินจากเหมืองในออสเตรเลีย
ทั้งนี้ การทำธุรกิจเทรดดิ้งถือเป็นปีแรกของบริษัทที่ซื้อถ่านหินมาผสมกับถ่านจากเหมืองของบริษัทเอง ซึ่งจะส่งผลให้รายได้รวมปีนี้ดีขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ราว 102,944 ล้านบาท ขณะที่ราคาขายก็ไม่น่าจะต่ำกว่าปีก่อนหรืออาจจะสูงกว่า เพราะมองว่าราคาถ่านหินได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 56 โดยเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาถ่านหิน BJI ปรับขึ้นมา 20-30 เซนต์ฯ/ตัน มาแตะที่ 80 เหรียญฯ/ตัน โดยเฉลี่ยราคาวิ่งอยู่แถว 77-84 เหรียญฯ/ตัน
บริษัทได้ทำสัญญาขายถ่านหินล่วงหน้าสำหรับเหมืองอินโดนีเซียไปแล้ว 47% จากปริมาณผลผลิต 30.7 ล้านตัน หากราคาถ่านหินขยับเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง ส่วนที่เหลือก็จะรับรู้รายได้เป็นราคาใหม่เข้ามา แต่แนวโน้มการปรับขึ้นของราคาถ่านหินในขาขึ้นอาจจะช้ากว่าขาลง อย่างไรก็ตาม มองว่าความต้องการถ่านหินในเอเชียแปซิฟิกปีนี้อยู่ที่ 912 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน โดยเฉพาะในอินเดีย จีน และญี่ปุ่น
นางสมฤดี กล่าวว่า บริษัทยังจะมีการลงทุนในปี 57-58 ที่ 779 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นเงินลงทุนในโครงการหงสา 340 ล้านเหรียญสหรัฐ อีก 339 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นโครงการในอินโดนีเซีย เช่น ขยายท่าเรือบอนตัง อินโดมิงโก และ ทูบาอินโด รวมทั้งขยายเหมืองในออสเตรเลีย คือเหมืองแองกัสเพรส และอีก 3 เหมืองในมองโกเลีย เช่น เหมือง IU, เหมือง UK จะสำรวจเพิ่มปริมาณสำรองถ่านหินราว 500 ล้านตัน และ เหมือง AN ที่อยู่ระหว่างการสำรวจ
สำหรับธุรกิจไฟฟ้า บริษัทตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มเป็น 35% ในปี 58 จากปี 56 อยู่ที่ 30% โดยบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อกิจการโรงไฟฟ้าซึ่งไม่จำกัดเฉพาะที่ใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน แต่มองเชื้อเพลิงทุกประเภททั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในเชิงแผนกลยุทธ์ปี 58 ต้องการเพิ้มรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าให้เป็น 35% เพื่อความมั่นคงของกระแสเงินสด
นอกจากนั้น ทีมงานบริหารต้นทุนได้ตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนทางการเงิน 4-5% ในปีนี้ หากทำได้ก็จะช่วยให้อัตรากำไร(มาร์จิ้น)ของบริษัทปรับตัวดีขึ้น ขณะที่บริษัทจะโฟกัสสินทรัพย์ที่มีอยู่มากขึ้น ทั้งนี้ มาร์จิ้นของธุรกิจถ่านหินเฉลี่ยรวมทั้งเหมืองและเทรดดิ้งอยู่ที่ประมาณ 32% ใกล้เคียงปีก่อน