ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับสิ้นปี 2556 ที่ 1,298.71 จุด เป็น 1,318.05 จุด (ณ วันที่ 27 ก.พ. 2557) หรือคิดเป็นร้อยละ 1.5 เคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีกว่าดัชนีหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น ซึ่งปรับตัวลดลงร้อยละ 2.3 8.4 และ 3.0 ตามลำดับ ถึงแม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนทั้งจากปัจจัยภายในและต่างประเทศ แต่มูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ไทยในเดือนมกราคม 2557 ยังคงสูงที่สุดในอาเซียน
นอกจากนี้ สัดส่วนราคาต่อประมาณการกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนข้างหน้า (forward P/E) ของหุ้นไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 12.34 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่น่าลงทุนเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค
"เชื่อว่าความผันผวนในช่วงที่ผ่านมาจะส่งผลต่อภาวะการลงทุนในระยะสั้นเท่านั้น ผู้ลงทุนจึงควรตัดสินใจลงทุนโดยพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและโอกาสเติบโตของหลักทรัพย์เป็นสำคัญ"นายสถิตย์กล่าว
ด้านนายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลท.กล่าวถึงแผนการเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด จากหลักทรัพย์เข้าใหม่ในปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ 210,000 ล้านบาท แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีบางหลักทรัพย์ที่ชะลอแผนการเข้าจดทะเบียนออกไปเนื่องจากรอประเมินสถานการณ์ แต่ในวันนี้ได้มีบมจ. คราวน์ เทค แอดวานซ์ เข้าจดทะเบียน โดยมีราคาปิดของหุ้นในการซื้อขายวันแรก ที่ 3.46 บาท สูงกว่าราคาจองซื้อ (IPO) ที่ 2.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 38.40 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ระดมทุนและผู้ลงทุน
นอกจากนี้ ยังเริ่มมีสัญญาณที่ดีที่มีบริษัทเริ่มทยอยกำหนดวันเข้าซื้อขาย โดยขณะนี้มีหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตและรอเข้าซื้อขายรวม 8 หลักทรัพย์ เป็นหลักทรัพย์ที่จะเข้าจดทะเบียนใน SET 4 หลักทรัพย์ mai 3 หลักทรัพย์ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 1 กอง