สำหรับอัตรากำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็นเกือบ 4% จากปี 56 อยู่ที่ราว 3% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นอีก 1-2% จากปี 56 อยู่ที่ 7% เนื่องจากที่บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างดี เพราะบริษัทมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นและรับงานมากขึ้นจึงสามารถต่อรองต้นทุนวัตถุดิบให้ลดลงได้ รวมถึงการนำนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาใช้ในการก่อสร้างเพื่อที่ลดระยะเวลาการก่อสร้างและลดต้นทุนด้านแรงงานลง
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจรับเหมายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ภาวะขาดแคลนผู้รับเหมาคงน้อยลง เนื่องจากงานภาครัฐมีความล่าช้าออกไป อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่าก็ยังจะขาดแคลนอยู่ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง "ปีนี้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่เกือบ 4% เพราะเราบริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างดี ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก็น่าจะขาดแคลนน้อยลง เพราะโครงการภาครัฐล่าช้าออกไป แต่เราก็จะยังมีการเติบโตที่ดีเพราะยังไงผู้รับเหมาก็ยังขาดแคลนอยู่ นอกจากนี้ งานโครงการต่างๆที่มีอยู่ในมือจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอีกกว่า 2 ปี"นายชัยรัตน์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์การเมืองนั้น เชื่อว่าจะจบลงภายในครึ่งปีแรก และในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
"สถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นนั้นเราไม่ได้มีความกังวลมากนัก เพราะเราได้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงโดยการรับงานจากหลายๆบริษัท และบริษัทส่วนใหญ่ที่เรารับงานก็เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลัดทรัพย์เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ เรายังมีเงินทุนหมุนเวียนอยู่อีก 500-600 ล้านบาท และยังมีวงเงินที่จะกู้ธนาคารได้อีก เราจึงไม่มีความกังวลกับสถานการณ์การเมืองมากนัก"นายชัยรัตน์ กล่าว