CKP มั่นใจปี 57 แข็งแกร่งจากรับรู้"บางปะอินโคเจนฯ1"เต็มปี-ลดค่าใช้จ่าย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 28, 2014 10:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเค พาวเวอร์(CKP) เปิดเผยว่า ในปี 57 บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะแข็งแกร่งขึ้นอีก เนื่องจากบริษัทจะรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 1 เต็มปี ในขณะเดียวกันบริษัทก็มุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารโรงไฟฟ้าทุกแห่ง รวมถึงลดค่าใช้จ่ายทางการเงิน และทะยอยชำระเงินกู้ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้ถือหุ้น

นอกจากนี้ โครงการต่างๆของบริษัทที่อยู่ภายใต้การพัฒนายังมีความก้าวหน้าไปด้วยดี ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ (กำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ปี 60) โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำบาก ในประเทศ สปป.ลาว ขนาดกำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ (กำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ปี 61) รวมทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโดย บมจ.ช.การช่าง(CK) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ในประเทศ สปป.ลาว ขนาดกำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ (กำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ปี 62) ภายในปี 62 บริษัทจะมีกำลังการผลิตรวมถึง 2,320 เมกะวัตต์ เติบโตกว่า 200% ภายในเวลา 5 ปี และลุยศึกษาโครงการต่างๆในประเทศและภูมิภาคอย่างเต็มที่ซึ่งเป็นการสร้างความเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่องให้กับบริษัท

ส่วนผลประกอบการในปี 56 บริษัทมีการเติบโตสูงต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 5,633 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 119% จากปีก่อนที่บริษัทรับรู้รายได้เพียง 2,578 ล้านบาท ในปีก่อนหน้าถึง 119 % และมีกำไรสุทธิที่ 218.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 300% จากปีก่อน

ผลประกอบการที่มีการเติบโตสูง เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้า โดยในปีก่อนหน้าบริษัทอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในกลุ่มบริษัท จึงรับรู้รายได้ของบริษัทย่อยได้เพียงบางส่วน แต่ในปี 2556 บริษัทรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 (NN2) ที่ สปป.ลาว และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์บางเขนชัย (BKC) เต็มปี คิดเป็นจำนวน 4,115.15 ล้านบาทและ 160.33 ล้านบาทตามลำดับ

นอกจากนั้น บริษัทยังได้ลงทุนเพิ่มเติมใน โรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 1 (BIC 1) ส่งผลให้มีสถานะเป็นบริษัทย่อยระหว่างปี โดย BIC 1 ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 28 มิถุนายน 56 ดังนั้น บริษัทจึงรับรู้รายได้ของ BIC 1 เป็นระยะเวลา 6 เดือน คิดเป็นจำนวน 1,272.19 ล้านบาท นอกจากเหตุผลด้านการรับรู้รายได้แล้ว โรงไฟฟ้าทุกแห่งของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี มีประสิทธิภาพในการเดินเครื่องและสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามเป้าหมายที่วางไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ