โดย ลีซ อิทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 84 ล้านหุ้น ในขณะที่ SVOA จะนำหุ้นเดิมมาเสนอขายพร้อมกันอีกจำนวน 6 ล้านหุ้น รวมเป็น 90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 45.00 ของทุนชำระแล้ว ซึ่งการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แบ่งเป็นการเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นของ SVOA จำนวนไม่เกิน 33.60 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 52.20 ล้านหุ้น และเสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทจำนวน 4.20 ล้านหุ้น โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 แห่ง ประกอบด้วย บล.โนมูระ พัฒนสิน บล. เอเชีย พลัส และ บล.เคที ซีมิโก้
ทั้งนี้ กำหนดเปิดให้ผู้ถือหุ้น บมจ.เอสวีโอเอ(SVOA) จองซื้อระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค.และให้ประชาชนทั่วไป จองซื้อ 17-19 มี.ค. และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในวันที่ 25 มี.ค.นี้
“การกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอของ LIT ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีความน่าสนใจอย่างมาก ประกอบกับเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อแบบครบวงจรที่ยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกมากในอนาคต เพราะมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้ โดยเริ่มตั้งแต่ประมูลงาน จัดหาสินค้า รวมถึงให้กู้เงินเพื่อไปจัดหาสินค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถส่งมอบงานให้กับคู่สัญญาได้ ทั้งในส่วนของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ รวมไปถึงหน่วยงานเอกชนขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้จะทำให้ LIT มีศักยภาพในการเติบโตต่อไปอย่างมั่นคง จึงทำให้เชื่อมั่นว่าหุ้น LIT จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเมื่อให้เปิดจองซื้อหุ้น"นายสมภพ กล่าว
ด้านนายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ LIT กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ขยายการให้บริการสินเชื่อและเป็นเงินหมุนเวียน ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งและมีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต ด้วยจุดแข็งของบริษัทตรงที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งมาตลอด อีกทั้งมีลูกค้าที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพในการเติบโต ทำให้มั่นใจกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีเยี่ยม ดังนั้นจึงเชื่อว่าการเปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอของบริษัทในครั้งนี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างแน่นอน
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 30% จากปีก่อนที่ทำได้ 104.7 ล้านบาท โดยจะมาจากการขยายพอร์ตสินเชื่อซึ่งตั้งเป้าไว้ที่เติบโต 30% หรือใกล้เคียง 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 700 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯจะขยายสินเชื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยจะยังเน้นธุรกิจไอทีเป็นหลัก ปัจจุบันมีสัดส่วนมากกว่า 50% ขณะที่ NPL ของบริษัทฯอยู่ในระดับที่ต่ำมากเพียง 0.1-0.2% เท่านั้น ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากหน่วยงานราชการในสัดส่วนถึง 80%
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีเป้าหมายจะตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 1.8% โดยในปีนี้คาดว่าจะตั้งสำรองเพิ่มขึ้นราว 2% และปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 3% ซึ่งถือเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมเพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานความมั่นคงทางการเงินของบริษัทฯให้ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ในช่วงปลายเดือน มี.ค. บริษัทฯจะมีการเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯในการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 56 ซึ่งผู้ที่จองซื้อหุ้น IPO จะมีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลด้วย โดยบริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทฯมีกำไรสุทธิ 32.1 ล้านบาท
ปัจจุบัน บมจ.ลีซ อิท มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 116 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 116 ล้านหุ้น หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วบริษัทจะมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 200 ล้านบาท