เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลกระทบต่อการประมูลงานในส่วนของงานภาครัฐ โดยรายได้จะมาจากงานที่มีอยู่ในมือ (backlog) ณ ปัจจุบัน จำนวน 9,440 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้จำนวน 5,000-6,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯจะรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ระดับ 5-6% โดยสามารถควบคุมต้นทุนและมีการบริหารจัดการภายในองค์กรได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯเตรียมเข้าประมูลงานภาคเอกชนเพิ่มอีก 2,000 -3,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถได้งาน 100% โดยบริษัทฯมีการตั้งงบลงทุนไว้ประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อลงทุนในเครื่องจักร
"ปีนี้รายได้ประมาณ 9,000 ล้านบาท เป็นการปรับลดเป้ารายได้ลงจากเดิมที่คาดว่าจะแตะระดับ 10,000 ล้านบาทได้ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันมีความยืดเยื้อและส่งผลกระทบอย่างมาก ขณะที่บริษัทฯจะมีการลงทุนเครื่องจักร ตั้งงบไว้หลายร้อยล้านบาท แต่ก็ยังรอดูสถานการณ์ รอดูความเหมาะสมที่จะเข้าไปลงทุนในช่วงนี้ดีหรือไม่"นายสุรศักดิ์ กล่าว
ส่วนแผนการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายต่อนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง(PP) จำนวน 175 ล้านหุ้น ที่กำลังจะหมดอายุลง คณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นขึ้นในช่วงเดือนเม.ย.57 เพื่อต่ออายุและขอขยายไปอีก 1 ปี โดยจะสามารถออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายหุ้นให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP) ได้ในช่วงไหนนั้น มองว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะจบได้เร็วหรือไม่ โดยในภาพรวมอุตสาหกรรมปัจจุบันมองว่ายังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร ภาวะการแข่งขันค่อนข้างสูง ขณะที่งานประมูลเสนอออกมาน้อยลง