ในเบื้องต้นพบว่าเดือนก.พ.57 จำนวนผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิลดลงประมาณ 9% จากที่คาดการณ์ไว้ ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองลดลงบ้างเล็กน้อย เพราะกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่มีการชุมนุม ขณะที่ท่าอากาศยานภูมิภาคทั้งผู้โดยสารและเที่ยวบินเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยท่าอากาศยานเชียงใหม่ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 66% จากประมาณการณ์, ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงรายเพิ่มขึ้นกว่า 100% ทำให้ในภาพรวมยังกระทบไม่มาก แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะกระทบมากขึ้นแน่นอน โดยสะท้อนได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเริ่มลดลง ส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นผู้โดยสารชาวไทยที่เดินทางออกนอกประเทศ และการเดินทางไปยังต่างจังหวัดในช่วงเสาร์-อาทิตย์
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าวยังเป็นช่วงเริ่มต้น หากไม่ยืดเยื้อก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในปี 57 มากนัก ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารเร่งหารายได้เพิ่มจากส่วนอื่นเพื่อมาชดเชยรายได้จากผู้โดยสารและเที่ยวบินที่ลดลง หรือหาแนวทางในการประชาสัมพันธ์ เพื่อจูงใจให้มีผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้นรวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง
"แม้ว่าการชุมนุมในประเทศจะกระทบต่อการเติบโตของผู้โดยสาร แต่ยังไม่กระทบต่อสถานะการเงินของทอท. และไม่จำเป็นที่จะต้องจัดตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อใช้ในลงทุนโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 เพราะทอท.มีเงินสดในมือถึง 3.7 หมื่นล้านบาทที่สามารถนำมาใช้ดำเนินการได้ และยืนยันว่าไม่มีการนำเงินสำรองส่วนเกินไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อให้นำไปจ่ายค่าจำนำข้าวแน่นอน โดยเงินส่วนเกินที่มีของทอท.จะนำไปฝากกับธนาคารภายใต้กฎหมายและระเบียบของทอท. ซึ่งต้องพิจารณาผลประโยชน์และความมั่นคงซึ่งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารเฉลี่ยประมาณ 3.5% ส่วนพันธบัตรดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.6% เท่านั้น โดยในช่วงเดือนที่ผ่านมามีเงินฝากครบไถ่ถอน 4 พันล้านบาท" น.ต.ศิธากล่าว