สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 95,350 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 70,612 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 74.1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 16,412 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 17.2% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,651 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.7% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB155A (รุ่นอายุ 5.3 ปี, 3.3 ปี และ 1.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 12,055 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (TISCO144A) มูลค่า 608.3 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของ บริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (ICBCTL189A) มูลค่า 203.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด (TOLC17NA) มูลค่า 154.6 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 966.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 13,792 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,657 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 37 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.2% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.2% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้
Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อย ประมาณ 1-3 bps. ในตราสารอายุไม่เกิน 5 ปี จากแรงซื้อส่วนใหญ่ของบริษัทจัดการกองทุนในประเทศ พันธบัตร ธปท. รุ่นอายุ 1 ปี ที่ประมูลวันนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสูงถึง 4.04 เท่าของวงเงินประมูล ด้านสถานการณ์ในยูเครนคลายความตึงเครียดลงจากการที่รัสเซียยอมถอนทหาร สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ(NET BUY)เท่ากับ 37 ล้านบาท