อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจับตาสถานการณ์การเมืองในประเทศ หากสงบลงได้ในเร็ว ๆ นี้ ก็มีโอกาสที่ในช่วงไตรมาส 2/57 บริษัทอาจจะพิจารณาปรับเป้ารายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นมาที่ 2.2 พันล้านบาท
"เราได้วางเป้าหมายรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 1.8 พันล้านบาท ซึ่งหากสถานการณ์การเมืองไม่แย่ไปกว่านี้ หรือมีความรุนแรงมากขึ้นไปอีกเราเชื่อว่าเราจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายแน่นอน แต่หากสถานการณ์การเมืองเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงไตรมาส 2 เราก็อาจจะมีการปรับเป้ารายได้ขึ้นเป็น 2.2 พันล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีกค่อนข้างมากหลังเราจะเริ่มโอนและรับรู้รายได้ จากโครงการคอนโดที่พัทยาที่เราเปิดในปี 56"นายสมเชาว์ กล่าว
นายสมเชาว์ กลวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังมีการเติบโตใน Segments กลุ่มตลาดกลาง- ล่าง และกลุ่มฐานใหญ่ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมี Demand ในหลาย Location ของทำเลที่พร้อมรอบด้านระบบสาธารณูปโภค โดย NCH มีแผนขยายการลงทุนสู่เมืองใหญ่ที่เป็นแกนหลักเศรษฐกิจ เร่งสานต่อนโยบายหลักในปี 57 ซึ่งจะมีการลงทุนเพิ่มในฐานใหญ่แนวราบ และเพิ่มสัดส่วนการทำตลาดแบรนด์ใหม่ของแนวสูง
"เรายอมรับว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น แต่ไม่มากนัก ซึ่งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมายอดขายของเราก็ยังมีแนวโน้มที่ดี สำรหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปีนี้เรามองว่าจะยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะมองว่าปัจจุบันที่อยู่อาสัยเข้ามาเป็นปัจจัย 4 แล้ว ส่งผลให้ผู้บริโภคยังมีความต้องการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดกลาง-ล่างที่มีฐานใหญ่"นายสมเขาว์ กล่าว
ทิศทางปีนี้จะมุ่งเน้นศักยภาพการเติบโตอย่างมั่นคงอย่างสมดุล (Balance Growth) เตรียมความพร้อมรุกตลาดแนวราบ,แนวสูง เปิดเพิ่มอีก 3 โครงการ จะมีการกระจายการลงทุน สู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แนวสูงเพิ่ม เพื่อสร้างยอดขายในหัวเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางเมืองเศรษฐกิจภาคเหนือ พร้อมมีแผนเพิ่มศักยภาพ สร้างการเติบโตขององค์กร Core Competency, เสริมสร้างแบรนด์ เอ็น.ซี. แข็งแกร่ง ด้านคุณภาพสินค้า และบริการ เพื่อรุกโครงการใหม่ มุ่งผลักดันด้านยอดขายรักษาการเติบโต
"ปีนี้เป็นปีที่ NCH มีความแข็งแกร่งเติบโตสู่ปีที่ 20 แบรนด์มีฐานใหญ่ที่เป็นมูลค่าการขายหลักอยู่ในโซนเหนือ มี Market Share แนวราบสัดส่วนของฐานใหญ่แบรนด์ บ้านฟ้าปิยรมย์ ,บ้านในสนามกอล์ฟ โฮมออนกรีน และได้รุกโครงการเพิ่ม มีการขยายโครงการที่ออกนอกพื้นที่โซนเหนือสู่ตัวเมืองชั้นใน และ ปริมณฑลในโซนอื่นที่เป็นทำเลศักยภาพ อาทิ โซนฝั่งตะวันตก ,โซนใต้, โซนตะวันออก อีกทั้งมีการรุกขยายโครงการแนวสูงในเมืองเศรษฐกิจและเมืองท่องเที่ยวภายใต้แบรนด์ใหม่ Natureza เมืองพัทยาในปีที่ผ่านมา"นายสมเชาว์ กล่าว
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ หลังจากขยายโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาในปี 56 และจังหวัดเชียงใหม่ จะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ปีนี้มาจากต่างจังหวัดราว 20% และรายได้จากโครงการในกรุงเทพฯ 80%
นายสมเชาว์ กล่าวว่า บริษัทมองถึงแนวโน้มของการลงทุนอย่างต่อเนื่องในปีนี้เตรียมความพร้อมเพื่อเปิดโครงการใหม่เพิ่ม 3 โครงการ มีการขยายโครงการต่อเนื่องโดยลงทุนเพิ่มแนวราบ 2 โครงการ และต่อยอดแบรนด์ใหม่แนวสูงภายใต้โครงการ Diamant วางแผนขยายโครงการใหม่ สู่ทำเลใหม่หัวเมืองเศรษฐกิจที่มีการเติบโตของเมือง และรองรับเศรษฐกิจภาคเหนืออย่างเมืองเชียงใหม่ที่มีฐานใหญ่ของผู้ต้องการที่อยู่อาศัย
สำหรับฐานกลุ่มลูกค้าของบริษัท ได้แก่ กลุ่มลูกค้า First Home : แบรนด์บ้านฟ้า ทาวน์เฮ้าส์ ,บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว กลุ่มระดับราคา 1 ล้านบาท จนถึงระดับราคาบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาท ขยายในโซนเหนือ ต่อยอด Township แบรนด์บ้านฟ้าปิยรมย์ และปริมณฑล ทำเลที่มีศักยภาพสูง ซึ่งขยายเพิ่มในปีนี้ 2 โครงการ ,
กลุ่มลูกค้า Second Home : ขยาย Product Line พร้อมรองรับกลุ่ม Move Up Home ที่มีฐานใหญ่แบรนด์บ้านฟ้าโซนเหนือ อีกทั้งปักหมุดในทำเลที่มีศักยภาพปริมณฑล ผนวกการทำตลาดแบรนด์แนวสูงโครงการ Condo เพิ่ม รองรับฐานลูกค้าใหม่สำหรับผู้อยู่อาศัย และพักผ่อน ตากอากาศ หัวเมืองท่องเที่ยว เมืองพัทยาแบรนด์ Natureza และพัฒนาโครงการใหม่เพิ่ม สู่ศูนย์กลางความเจริญของภูมิภาค จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการส่งเสริมด้านการลงทุนภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวในภาคเหนือ ถือเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักอย่าง จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อโครงการ Diamant : ความสุขของชีวิต ที่มีครบ
และ กลุ่มลูกค้า Luxury Home : แบรนด์ บ้านระดับ สูงกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป และมีการพัฒนาโครงการ เพื่อรองรับกลุ่มผู้ซื้อบ้าน ที่มีความชื่นชอบและมีเอกลักษณ์ โดดเด่นแบรนด์ ภายใต้ NC Royal และแบรนด์บ้านในสนามกอล์ฟ โฮมออนกรีน