"มาร์จินจากการใช้น้ำมันดิบในประเทศจะสูงขึ้น 50-60 เซนต์ สเปรดปิโตรฯเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ GIM เฉลี่ยปีนี้เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์"นายกฤช กล่าว
ทั้งนี้ IRPC มองราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปีนี้สูงกว่า 100 เหรียญฯ/บาร์เรล หรือราว 100-105 เหรียญฯ/บาร์เรล เพราะความต้องการใช้น้ำมันยังสูง
ในปีนี้บริษัทจะใส่เงินลงทุนในโครงการฟีนิกซ์อีกราว 500 ล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 58 อีก 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่าจบโครงการ โดยคาดว่าโครงการ UHV จะเป็นโครงการขนาดใหญ่สุดจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิตได้ไตรมาส 3/58 ขณะนี้ก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว 52% เมื่อโครงการเดินเครื่องได้จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นอย่างมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เพราะจะเปลี่ยนจากผลผลิตน้ำมันเตาไปเป็นปิโตรเคมีที่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งจะเริ่มรับรู้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าวได้ราวปี 59
"หลังโครงการฟีนิกซ์เสร็จ ภาพของบริษัทจะมีความผันผวนน้อยลงในเรื่องผลประกอบการ เพราะส่วนหนึ่งต้นทุนลดลง หลัง UHV ผลิตแล้ว พอขายได้มากขึ้น ขณะที่ต้นทุนคงที่"นายกฤช กล่าว
ส่วนการร่วมทุนกับทาง บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ในโครงการผลิตพาราไซลีน (PX) ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา คาดได้ข้อสรุปภายในปีนี้ มูลค่าโครงการเบื้องต้น 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนลงทุน IRPC 49% และ PTTGC 51% แต่กว่าจะลงทุนต้องรอให้โครงการ UHV แล้วเสร็จเสียก่อน
"ฐานะการเงินของบริษัทยังไม่แข็งแรง เพราะโครงการมูลค่า 1,000 กว่าล้านเหรียญฯ ต้องรอ UHV เสร็จปี 58 รายได้ก็จะสูงขึ้น หนี้ลดลง สามารถกู้หนี้ได้ ซึ่งถ้าจอยเวนเจอร์กับ PTTGC ก็จะทำโครงการได้เร็วขึ้น ส่วนการลงทุนต่างประเทศยังไม่มอง เพราะเรามี UHV ขยายตัวเอง cost ดีสุดแล้ว"นายกฤช กล่าว
สำหรับการควบรวมกิจการกับ PTTGC นั้น นายกฤช กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะบริษัทมีโครงการใหญ่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยปรับปรุงผลประกอบการในอนาคต คงต้องรอให้โครงการ UHV แล้วเสร็จก่อน ประกอบกับ ขณะนี้มีปัญหาการตีมูลค่าหุ้น เพราะราคาหุ้น IRPC ยังไม่สะท้อนโครงการ UHV โดยมูลค่าทางบัญชี(BV)อยู่ที่ 3.60 บาท/หุ้น แต่ราคาตลาดที่ 3.30 บาทต่ำกว่า BV เพราะผลประกอบการยังไม่ดี ขณะที่ PTTGC มี BV ที่ 50 กว่าบาท ขณะที่ราคาหุ้น 70 กว่าบาท ซึ่งอิงผลประกอบการ
"ควบรวมตอนนี้ยาก รอให้ราคาหุ้นสะท้อนทั้งโครงการฟินิกซ์ก่อน "นายกฤช กล่าว
นอกจากนั้น ในปี้นี้บริษัทมีแผนขายที่ดิน 1200 ไร่ ในอ.บ้านค่าย จ.ระยอง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตการจัดสรรที่ดิน โดยที่บ้านค่ายมีที่ดินทั้งหมด 2,200 กว่าไร่ แต่จะแบ่งขาย 1,200 กว่าไร่ ส่วนอีก 1,000 ไร่เป็นพื้นที่สีเขียว