โครงการทั้ง 3 วางกลุ่มเป้าหมายไว้แตกต่างกัน คือ 1) RHYTHM สุขุมวิท 36-38 ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อเพียง 300 เมตร โฟกัสผู้ที่ชื่นชอบความหลากหลายของการใช้ชีวิตในโซนสุขุมวิท 2) RHYTHM อโศก II เพียง 400 เมตรจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพระราม9 และ 60 เมตรจากทางด่วน เหมาะสำหรับกลุ่มคนทำงานย่านอโศกหรือรัชดาภิเษก และ 3) Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีวงศ์สว่าง เพียง 50 เมตร เจาะกลุ่มลูกค้าที่เดินทางเข้ามาทำงานในเมืองหรือย่านรัชโยธิน
ทั้งนี้ การร่วมทุนระหว่างกันดำเนินการภายใต้การลงนามในสัญญาร่วมทุนกับ บริษัท MEC Thailand Investment Pte.Ltd (MTI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นโดย บริษัท Mitsubishi Estate Asia Pte. Ltd. (MEA) และ Mitsubishi Jisho Residence Co., Ltd. (MJR) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Mitsubishi Estate Co., Ltd. (MEC) โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นของแต่ละบริษัทในอัตรา AP 51% : MTI 49%
นายอนุพงษ์ กล่าวว่า การผสานความร่วมมือทางธุรกิจกับทาง MEC ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ AP ในการเพิ่มศักยภาพขององค์กร ตลอดจนบุคลากรภายในให้มีความรู้ ความสามารถ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการส่งทีมงานของทาง AP ไปเรียนรู้วิธีคิด วิธีการทำงาน ทั้งในเรื่องของขั้นตอนการก่อสร้าง การตรวจสอบคุณภาพสินค้า ตลอดจนขั้นตอนในการขาย เพื่อนำมาต่อยอดในการดำเนินงานให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล
สำหรับเป้าหมายในการผสานความร่วมมือครั้งนี้ นอกเหนือจากการได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกับทีมงานของทาง MEC แล้ว ยังเป็นการย้ำถึงจุดแข็งของ AP ที่เป็นผู้นำในการพัฒนาคอนโดเนียมที่เชี่ยวชาญในการจัดสรรพื้นที่ใช้สอย ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนเมือง ที่นิยมความสะดวกสบายในการเดินทางและมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในเมือง ซึ่งการผสานความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันเชิงลึกระหว่างทีม Product Design ของ AP กับทีมดีไซเนอร์ของทางบริษัท Mitsubishi Jisho Sekkei ซึ่งเป็นบริษัทสถาปนิกมืออาชีพในเครือของ MEC เพื่อนำปรัชญาแนวคิดในการออกแบบจากทางญี่ปุ่นมาผสมผสานกับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนไทย ผ่านนวตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากการคิดค้นร่วมกัน เพื่อให้ทุกตารางนิ้วภายในคอนโดมิเนียมของ AP สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด (Space Optimization)
ด้านนายฮิโรทากะ สึกิยามะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MEC กล่าวว่า MEC ถือเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในญี่ปุ่นมีประวัติความเป็นมายาวนานด้านการพัฒนาอาคารสำนักงาน โดยเริ่มต้นจากการซื้อที่ดินบริเวณมารุโนะอุจิจากรัฐบาลเมื่อปีค.ศ. 1890 โดยดำเนินธุรกิจครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่การพัฒนา การบริหารจัดการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ควบคุมการบริหารจัดการอาคารสำนักงานและพื้นที่เพื่อการค้า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนและการขายเพื่ออยู่อาศัย รวมไปถึงการออกแบบและควบคุมดูแลอสังหาริมทรัพย์ และการเป็นตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ 3 แห่ง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และประเทศในแถบเอเชีย โดยได้เข้าไปพัฒนาและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1970 โดยได้ถือครองอาคารสำนักงานในเขตแมนฮัตตัน และโครงการลงทุนและพัฒนาในอีกหลายเมืองของสหรัฐ ผ่าน Rockefeller Group ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ส่วนธุรกิจพัฒนาและลงทุนในสหราชอาณาจักรของเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 โดยได้พัฒนาโครงการแบบรื้อสร้างใหม่ที่มีชื่อว่า ปาแตร์นอสแตร์ สแควร์ (Paternoster Square) ซึ่งอยู่ติดกับมหาวิหารเซนต์พอล (St Paul's Cathedral) ส่วนในเอเชียนั้นได้ตั้งบริษัท Mitsubishi Estate Asia Pte. Ltd. ขึ้นที่สิงคโปร์เมื่อปี ค.ศ. 2008 และนับแต่นั้นมาก็ได้ทำธุรกิจพัฒนาอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์ รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการลงทุนในประเทศอื่นๆ แถบนี้อย่างต่อเนื่อง
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากนี้ไป AP และ กลุ่มบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จะดำเนินงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของกันและกันตราบนานเท่านาน"นายฮิโรทากะ กล่าว