นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ LPN เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้าหมายการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ลงเหลือ 6-7 โครงการ มูลค่าโครงการเกือบ 2 หมื่นล้านบาท จากแผนงานเดิมกำหนดไว้ 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 2.07 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การเมืองและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ที่จะมีการเติบโตได้ 10% หรือมีรายได้ราว 1.52 หมื่นล้านบาทในปีนี่
นอกจากนั้น บริษัทยังชะลอการซื้อที่ดินใหม่ เนื่องจากขณะนี้บริษัทฯมีที่ดินเตรียมพร้อมสำหรับเปิดโครงการใหม่ในปีนี้แล้วทั้ง 6-7 โครงการ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้ให้โอกาสนี้ปรับแผนธุรกิจ โดยจะใช้ช่วงระยะเวลาที่ชะลอโครงการต่างๆ ในการปรับปรุงระบบภายใน และการขออนุมัติรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ในโครงการต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าเพื่อรองรับการเปิดโครงการขนาดใหญ่ที่จะเริ่มก่อสร้างในปี 58 ราว 3 โครงการ มูลค่าราว 7 พันล้านบาทที่มีมาร์จิ้นค่อนข้างดี ซึ่งจะส่งผลให้มาร์จิ้นเฉลี่ยในปี 58 เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ราว 34% จากปีนี้อยู่ที่ 30%
"ในช่วงนี้เรามองว่าเป็นช่วงที่ต้องมีปรับแผนการดำเนินงานต่างๆ เพราะปัจจุบันไม่มีความแน่นอนของสถานการณ์การเมือง และปริมาณคนที่ตัดสินใจซื้อลดลงจากปกติ ซึ่งเราก็จะใช้ช่วงเวลาที่มีการชะลอโครงการเพื่อปรับปรุงภายใน และขอ EIA ไว้เพื่อรองรับโครงการใหญ่ที่จะสร้างในปี 58" นายโอภาส กล่าว
สำหรับผลประการในช่วงไตรมาส 1/57 นี้ รายได้ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ในส่วนของยอดขายยอมรับว่าปรับตัวลดลง เนื่องจากบริษัทฯได้ชะลอการเปิดโครงการใหม่ อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรสุทธิในปีนี้บริษัทฯยังคงตั้งเป้าที่จะรักษาให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 56 ที่ราว 16%
"รายได้ไตรมาส 1 ยังเป็นไปตามเป้าหมาย แต่ยอดขายลดลงอยู่แล้ว เพราะเราชะลอการเปิดโครงการ รวมถึงลูกค้าที่ชะลอการตัดสินใจซื้อ ทำให้ยอดขายในช่วง ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาต่ำลง แต่ในปีนี้เราก็จะยังรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ราว 16%" นายโอภาส กล่าว