ประกอบกับราคาสังกะสีปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าราคาสังกะสีปีนี้เฉลี่ยที่ 2,050 เหรียญ/ตัน จากปีก่อนเฉลี่ยที่ 1,910 เหรียญ/ตัน เนื่องจากความต้องการดีขึ้นจนมาถึงจุดสมดุลแล้ว ซึ่งการฟื้นตัวของดีมานด์มาจากจีนและยุโรปที่จะเป็นตัวผลักดันให้ราคาสังกะสีปรับขึ้นโดยในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา สังกะสีมีราคาเฉลี่ย 2,118 เหรียญ/ตัน และมองว่าจากนี้ไปจะเป็นขาขึ้น
และคาดว่าจะมีปริมาณขายใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 7.5 หมื่นตัน จากกำลังการผลิตรวม 1.1 แสนตัน แต่บริษัทจะพยายามเพิ่มสัดส่วนขายสังกะสีเกรดพิเศษเพื่อเพิ่มมาร์จิ้น โดยปัจจุบันบริษัทได้ขายสังกะสีล่วงหน้า จำนวน 1.38 หมื่นตัน ที่ราคา 2,079 เหรียญ/ตัน โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33.05 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสังกะสีที่มีต้นทุนต่ำ
"มั่นใจจะพลิกเป็นกำไร ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ส่วนหนึ่งจากโครงการพัฒนากลยุทธ์บริษัท ได้แก่การเพิ่มสัดส่วนโลหะสังกะสีผสม เพิ่มรายได้จากผลิตภัณฑ์พลอย รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ทำมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ปีนี้ก็ยังจะเน้นอยู่ เพื่อสร้างผลกำไรในอนาคตให้กับบริษัทต่อไป" นายฟรานซิส กล่าว
ทั้งนี้ คาดความต้องการสังกะสีในประเทศยังคงเพิ่มขึ้น โดยตลาดรวมในประเทศอยู่ที่ 1.5 แสนตัน ซึ่ง PDI มีมาร์เก็ตแชร์ 50%
ส่วนโครงการอื่น อยู่ระหว่างการศึกษาจึงยังไม่สามารถระบุเวลาได้ ได้แก่ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์ฟาร์มบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาราคาซื้อขายไฟอยู่ โครงการพลังงานลม และโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะ ที่ต้องใช้เวลาศึกษาประมาณ 2 ปี รวมทั้งการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจจากทางการด้วย